This blog contains lots of articles and world news. Its aim is to be a source of knowledge for people to read and think, and thus make an intuitive decision on how to lead their lives fruitfully in every-day livings.Under the concept of Today-Readers are Tomorrow Leaders.' The world will be better because we begin to change for the best.
วันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2555
ทุกวันนี้ยังพอหาพระสมเด็จวัดระฆังได้
การแสวงหาพระสมเด็จทั้งวัดระฆัง/บางขุนพรหม/วัดเกศไชโย ยังเป็นสิ่งที่นักเล่นพระเครื่องทั้งหลายในปัจจุบันยังทำอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเซียนรุนเก่าหรือรุ่นใหม่ ถ้าท่านยังแสวงหาพระสมเด็จในสนามพระเครื่องท่านยังมีโอกาสเสมอที่จะได้เจอ ดังสุภาษิตที่ว่า You will always find what you look for/or seek.
ถ้าพูดถึงพระพุทธคุณ ผู้เขียนต้องยอมรับว่าวัดเกศไชโย มีพระพุทธคุณสูงกว่าทั้งสามวัด ประการแรกคือเป้าหมายเพื่อเทิดทูลคุณมารดา อันนี้ถือเป็นสุดยอดของคุณทั้งหลายในโลกใบนี้ ประการที่สองระยะเวลาทำและปลุกเสกพร้อมๆหรือใกล้เคียงกันเพื่อที่จะให้ทันบรรจุในพระเจดีย์ ดังนั้น พลังจิตที่ไม่วอกแวกและมั่นคงในช่วงเวลานี้จึงแกล้วกล้าและสู่เป้าหมายชัดเจนดี
ส่วนวัดระฆังเด่นชัดทางพุทธพาณิชย์หรือเป็นของขวัญจากท่านสมเด็จโตเพื่อเป็นเครื่องเตือนใจให้ทำดี บางขุนพรหมเป็นรองสุดเพราะคล้ายเป็นแขกรับเชิญ ให้มาในงานพิธีใหญ่
หลักการเล่นพระสมเด็จท่านต้องใช้สากลนิยมถือเป็นคำตอบสุดท้าย คือ พิมพ์ถูกต้อง เนื้อหามวลสารใช่ และธรรมชาติสภาพขององค์พระถึงยุค/หรือผ่านกาลเวลามาถูกต้อง ถ้าถือหลักการสากลแล้ว นอกจากจะเป็นพระแท้ยังสามารถทำเงินได้ด้วย จะมากหรือน้อยก็ต้องว่าพระนั้นเป็นของใครและใครเป็นผู้เช่า นั้นคืออยู่ที่ credit นั้นเอง พระสมเด็จนั้นเปรียบได้กับพระในฝัน คืออยู่ในความฝันของทุกๆคนที่เล่นพระเครื่อง ดังนั้นจึงต้องหาสิ่งต่างๆมายืนยันเพื่อให้ความฝันของตนเป็นจริงและให้คนทั่วไปยอมรับ นี่แหละที่ควรเรียกว่าเสนอของการเล่นพระสมเด็จ คือทำฝันของตนให้เป็นจริงและทุกคนยอมรับ
การแสวงหาพระสมเด็จในสนามพระเป็นเรื่องสนุกและผจญภัยดี ผู้เขียนชอบมาก และไม่กลัวเรื่องพระแท้/เก๊ แต่กลัวเรื่องพระแพงหูฉี่อย่างเดียว จากประสบการณ์มามากนับสามสิบปี ผู้เขียนทราบมาตลอดว่าเซียนใหญ่มักมีลูกมือช่วยในการแสวงหาพระ และทำให้ลูกมือรู้จักพระแท้ได้มาก พระมาใหม่ในร้านพระเครื่องคือพระที่ลูกมือนำมาปล่อยให้เซียนใหญ่/หรือญาติๆเซียนใหญ่นำมาขายให้ ไม่ใช่เซียนใหญ่ออกไปแสวงหาเอง เพราะโอกาสเซียนใหญ่เขาดีกว่าเซียนธรรมดาทั่วไป เนื่องจากมีเงินมากและเกาะกลุ่มกันดี ลูกมือเขาเอาพระมาเสนอให้บ่อยๆแทบไม่ขาดสายเลย คนที่เล่นพระเข้าใจในเรื่องนี่ดี ดังนั้นเซียนธรรมดาอย่าหวังว่าจะขายพระสมเด็จได้ราคาแพง แค่หลักหมื่นต้นๆหรือพันกลางๆก็นับว่าโชคดีแล้ว
แต่อย่างว่านั้นแหละถ้าท่านมีชิ้นที่สวยงามสุดๆและแท้ตามหลักสากล ท่านแค่มีโอกาสเสนอขายราคาแพงๆได้เท่านั้น ส่วนจะขายได้หรือไม่ยังเป็นคำตอบที่ต้องอดทนกันต่อไป พระแท้ไม่ใช่ว่าจะขายได้ราคาแพงๆ แต่พระแท้ขายได้แน่นอน ให้ทุกท่านจำไว้
ภาพประกอบ พระสมเด็จจากสนามพระเมื่อ30/09/12
ม.โชคชัย ทรงเสี่ยงไชย
ถ้าพูดถึงพระพุทธคุณ ผู้เขียนต้องยอมรับว่าวัดเกศไชโย มีพระพุทธคุณสูงกว่าทั้งสามวัด ประการแรกคือเป้าหมายเพื่อเทิดทูลคุณมารดา อันนี้ถือเป็นสุดยอดของคุณทั้งหลายในโลกใบนี้ ประการที่สองระยะเวลาทำและปลุกเสกพร้อมๆหรือใกล้เคียงกันเพื่อที่จะให้ทันบรรจุในพระเจดีย์ ดังนั้น พลังจิตที่ไม่วอกแวกและมั่นคงในช่วงเวลานี้จึงแกล้วกล้าและสู่เป้าหมายชัดเจนดี
ส่วนวัดระฆังเด่นชัดทางพุทธพาณิชย์หรือเป็นของขวัญจากท่านสมเด็จโตเพื่อเป็นเครื่องเตือนใจให้ทำดี บางขุนพรหมเป็นรองสุดเพราะคล้ายเป็นแขกรับเชิญ ให้มาในงานพิธีใหญ่
หลักการเล่นพระสมเด็จท่านต้องใช้สากลนิยมถือเป็นคำตอบสุดท้าย คือ พิมพ์ถูกต้อง เนื้อหามวลสารใช่ และธรรมชาติสภาพขององค์พระถึงยุค/หรือผ่านกาลเวลามาถูกต้อง ถ้าถือหลักการสากลแล้ว นอกจากจะเป็นพระแท้ยังสามารถทำเงินได้ด้วย จะมากหรือน้อยก็ต้องว่าพระนั้นเป็นของใครและใครเป็นผู้เช่า นั้นคืออยู่ที่ credit นั้นเอง พระสมเด็จนั้นเปรียบได้กับพระในฝัน คืออยู่ในความฝันของทุกๆคนที่เล่นพระเครื่อง ดังนั้นจึงต้องหาสิ่งต่างๆมายืนยันเพื่อให้ความฝันของตนเป็นจริงและให้คนทั่วไปยอมรับ นี่แหละที่ควรเรียกว่าเสนอของการเล่นพระสมเด็จ คือทำฝันของตนให้เป็นจริงและทุกคนยอมรับ
การแสวงหาพระสมเด็จในสนามพระเป็นเรื่องสนุกและผจญภัยดี ผู้เขียนชอบมาก และไม่กลัวเรื่องพระแท้/เก๊ แต่กลัวเรื่องพระแพงหูฉี่อย่างเดียว จากประสบการณ์มามากนับสามสิบปี ผู้เขียนทราบมาตลอดว่าเซียนใหญ่มักมีลูกมือช่วยในการแสวงหาพระ และทำให้ลูกมือรู้จักพระแท้ได้มาก พระมาใหม่ในร้านพระเครื่องคือพระที่ลูกมือนำมาปล่อยให้เซียนใหญ่/หรือญาติๆเซียนใหญ่นำมาขายให้ ไม่ใช่เซียนใหญ่ออกไปแสวงหาเอง เพราะโอกาสเซียนใหญ่เขาดีกว่าเซียนธรรมดาทั่วไป เนื่องจากมีเงินมากและเกาะกลุ่มกันดี ลูกมือเขาเอาพระมาเสนอให้บ่อยๆแทบไม่ขาดสายเลย คนที่เล่นพระเข้าใจในเรื่องนี่ดี ดังนั้นเซียนธรรมดาอย่าหวังว่าจะขายพระสมเด็จได้ราคาแพง แค่หลักหมื่นต้นๆหรือพันกลางๆก็นับว่าโชคดีแล้ว
แต่อย่างว่านั้นแหละถ้าท่านมีชิ้นที่สวยงามสุดๆและแท้ตามหลักสากล ท่านแค่มีโอกาสเสนอขายราคาแพงๆได้เท่านั้น ส่วนจะขายได้หรือไม่ยังเป็นคำตอบที่ต้องอดทนกันต่อไป พระแท้ไม่ใช่ว่าจะขายได้ราคาแพงๆ แต่พระแท้ขายได้แน่นอน ให้ทุกท่านจำไว้
ภาพประกอบ พระสมเด็จจากสนามพระเมื่อ30/09/12
ม.โชคชัย ทรงเสี่ยงไชย
The Magical Negro Falls to Earth
But victory for Obama in 2012 would signify more racial progress than it did in 2008
JEWEL SAMAD / AFP / Getty Images
President Barack Obama waves upon his return at the White House in Washington, DC, on Sept. 25, 2012.
Touré's latest book, Who's Afraid of Post-Blackness?, was named a New York Times notable book of 2011
Granted, Obama’s election (or not) is merely one of many factors that will tell us where we are on race in America. But it is a big one. In 2008, Obama had to overcome racial bias that a recent study by Seth Stephens-Davidowitz, a Harvard Ph.D. candidate in economics, suggests may have cost him as many as 3 to 5 percentage points in the election.
Obama had to be extraordinary, which reminds me of something my mother told me when I was a boy: that being black meant I had to be twice as good to get ahead. Obama more than just good; in many ways, he was the embodiment of that staple of film and literature, the magical Negro.
(MORE: How To Read Political Racial Code)
The magical Negro is a character full of knowledge and wisdom, sometimes with supernatural powers, whose job is to help a white protagonist reach his full potential. Jim in Mark Twain’s Huckleberry Finn is the classic example. More recently, there were Will Smith in The Legend of Bagger Vance, Michael Clarke Duncan in The Green Mile and Laurence Fishburne as Morpheus in The Matrix, who offers Keanu Reeves’ Neo a red pill that will change his life.
In 2008, Obama was Morpheus and America was Neo, a nation of great potential that had lost its mojo and did not understand reality. Obama offered America the red pill — the chance to vote for him — and we swallowed it. In The Matrix, the red pill took effect immediately, and it wasn’t long before Neo revealed himself to be the One — the Jesus-like figure Morpheus had thought he was. In the real world, change happens much more slowly. When Obama took office, it felt as if the sky were falling and we were close to a depression. We avoided that fate. But it has been a rough few years marked by problems (not all of his making) that include a historic recession, Washington gridlock, the passage of controversial health care legislation, the failure to close the Guantánamo prison, the Middle East explosion and the rhetorical blunder of “If you’ve got a business, you didn’t build that,” by which the great orator handed the GOP a gift it could mangle into a slogan. After all that, it’s impossible to view Obama as a superhuman magical-Negro figure anymore.
(MORE: Will Black Voters Punish Obama For His Support of Gay Rights?)
Obama has been brought down to earth, and he now admits, as he said in his speech at the Democratic National Convention, invoking the words of Abraham Lincoln, “I have been driven to my knees many times by the overwhelming conviction that I had no place else to go.” Yet despite his failings and mortal humility, Obama remains the favorite to win: he leads 48% to 45% in the latest Gallup poll and 48.9% to 44.9% in the Real Clear Politics average of polls.
All incumbents have natural advantages, but for Obama, incumbency is a double-edged sword. Given the super-human expectations placed on him when he took office, it’s not surprising that he has disappointed some of his followers.
So those poll numbers suggest something very interesting about this country in terms of racial progress. They show American voters embracing a non-magical black man. The magical Negro concept arose from a need to rectify supposed black inferiority with the undeniability of black wisdom by suggesting that wisdom is so alien that its origins cannot be explained by normal scientific methods.
While some may think it complimentary to be considered “magical,” it is infantilizing and offensive because it suggests black excellence is so shocking it can only come from a source that is supernatural. To accept a black leader who is extraordinary yet so human that he cannot be magical is an entirely different prospect than electing a black superhero. Anyone would vote for a superhero who lived up to my mom’s standard of having to be twice as good. But for it to embrace a nonmagical black person who cannot promise anything but hope, intelligence, sweat and experience, now that comes closer to equality. Equality is freedom from having to be twice as good to get ahead.
MORE: Is Romney Doomed? Not Yet
Touré is the author of four books, including Who's Afraid of Post-Blackness? and the co-host of MSNBC's The Cycle. The views expressed are solely his own.
Related Topics: election 2012, magical negro, meritocracy, mitt romney, Morpheus, President Obama, race, race equality, the Matrix, Elections, Obama Administration, Politics
Read more: http://ideas.time.com/2012/09/26/the-magical-negro-falls-to-earth/#ixzz28115kgRp
Big U.S. Fleet Nears Disputed Islands, But What For?
U.S. Navy
Aircraft
carriers USS John C. Stennis, front, and USS George Washington sail in
formation with an escort vessel during a training exercise in waters
near Guam, earlier this month.
Two Navy aircraft carrier battle groups and a Marine Corps air-ground task force have begun operating in the Western Pacific, within easy reach of the Senkaku Islands. That’s where Japanese and Chinese patrol boats are engaged in an increasingly tense standoff.
Chinese vessels have repeatedly entered territorial waters around the small islands in recent weeks and Coast Guard vessels from Japan and Taiwan fired water cannons at each other last week. The islands are controlled and administered by Japan, but claimed by both China and Taiwan.
No warships have been directly involved in the confrontations, so far. But China has vowed to continue sending patrol vessels into territorial waters and Japan has assembled scores of Coast Guard vessels to “defend” the islands.
The U.S. hasn’t taken sides in the ownership dispute, and Secretary of State Hillary Clinton has called for “cooler heads” to prevail. Nonetheless, U.S. officials have stated clearly that the Senkakus fall under the U.S.-Japan security treaty, which would require the U.S. to come to Japan’s aid in case of attack.
Navy officials confirmed Sunday that the USS George Washington carrier strike group has begun operating in the East China Sea, near the disputed islands. The USS John C. Stennis group is only slightly further away in the South China Sea. Each carrier is armed with more than 80 warplanes, and strike groups typically include guided-missile cruisers and destroyers, submarines and supply ships.
In the nearby Philippine Sea, some 2,200 Marines are embarked aboard the USS Bonhomme Richard and two escorts. The Marines are equipped with amphibious assault vehicles, light armored vehicles, artillery, helicopters and Harrier fighter jets.
Carrier groups and Marine task forces often operate alone, so the convergence of the three groups in a relatively small part of the Pacific represents an unusual concentration of firepower. All three are fresh from training exercises in and around Guam. Those exercises included live-fire with missiles and joint beach landings by U.S. Marines and Japanese ground troops.
A spokesman for the U.S. Pacific Command says the training missions and carrier deployments are not necessarily related to the Senkaku tensions. The islands are called Diaoyu in China, and Tiaoyutai in Taiwan.
“These operations are not tied to any specific event,” said Capt. Darryn James, a spokesman for the U.S. Pacific Command in Honolulu. “As part of the U.S. commitment to regional security, two of the Navy’s 11 global force carrier strike groups are operating in the Western Pacific to help safeguard stability and peace.”
In truth, the carrier and Marine deployments may have as much to do with the “re-balancing” of U.S. forces in the Asia-Pacific region, and with an unrelated crisis in the Middle East, as with the squabble in the East China Sea.
The George Washington battle group and the Marine task force, both based in Japan, were scheduled to conduct separate but overlapping exercises in the Guam region well before the Senkaku dispute heated up. Guam and nearby Tinian Island have been tabbed as a hub for the “re-balancing” of U.S. forces in the region — a hedge against China’s growing military power and ambitions in the region.
The Stennis is being sent from its homeport in Washington state to the Persian Gulf, four months ahead of schedule in response to the escalating crisis over Iran’s nuclear program. The Guam exercises allowed the Stennis to grab a few days of extra training with the George Washington group en route. The Senkakus are situated close to the major sea routes from Pacific to Mideast; it is unclear if the Stennis group is simply passing, by or will remain awhile.
The Marines, meanwhile, were expected to move from Guam to the Philippines for previously scheduled training with the Philippines military.
Navy spokesman James said he could not comment on future ship movements.
Although significant oil and gas deposits may exist within the islands’ territorial waters or exclusive economic zone, the Senkaku dispute has centered largely on old grievances and resurgent nationalism. U.S. officials have privately expressed frustration with the lack of diplomatic progress in resolving the dispute. China placed two-page ads in major U.S. newspapers this weekend, accusing Japan of “stealing” the islands and citing claims that date back hundreds of years.
The Senkakus are located about 100 miles (160 km) northeast of Taiwan and about 200 miles (320 km) east of the Chinese mainland.
While the big U.S. fleet might have been intended as a warning to China not to escalate the islands dispute, it may have been intended to focus Japan’s attention, as well.
Or, it could have been a coincidence.
Read more: http://nation.time.com/2012/09/30/big-u-s-fleet-nears-disputed-islands-but-what-for/#ixzz2810godjK
: สถานีเกษตรหลวงปางดะ, รายงานพิเศษ,
สถานีเกษตรหลวงปางดะ เป็นสถานีวิจัยหนึ่งในสี่ของมูลนิธิโครงการหลวง ที่มุ่งเน้นดำเนินงานวิจัยและขยายพันธุ์ไม้ผลเขตหนาวและกึ่งหนาว พืชผักและพืชไร่ ซึ่งเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2522 เนื่องจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มีพระราชประสงค์เพื่อช่วยให้ชาวเขามีพื้นที่ทำกินเป็นหลักแหล่ง ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพให้มีรายได้มั่นคง โดยนำพืชเศรษฐกิจซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดให้เกษตรกรปลูก พร้อมทั้งให้คำแนะนำด้านเทคโนโลยีการผลิต การใช้สารเคมีที่ถูกต้องและปลอดภัย ตลอดจนให้เกษตรกรใช้ที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุดตามหลักของการอนุรักษ์ดิน และน้ำ
นายวิพัฒน์ ดวงโภชน์ หัวหน้าสถานีเกษตรหลวงปางดะ เล่าว่า สถานีเกษตรหลวงปางดะ ก่อตั้งขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์คือการขยายพันธุ์พืชผัก พืชไร่ ไม้ผลเป็นหลัก ซึ่งแตกต่างไปจากสถานีเกษตรหลวงอื่นที่ส่วนใหญ่จะก่อตั้งเพื่อแก้ปัญหาของ ชาวเขา โดยเฉพาะเรื่องลดพื้นที่การปลูกฝิ่นด้วยการปลูกพืชผักเมืองหนาวทดแทน ดังนั้น สถานีเกษตรหลวงปางดะ จึงมีการวิจัยและขยายพันธุ์พืชหลากหลายชนิดนอกจากไม้ผล เมืองหนาว ยังมีไม้ดอกเมืองร้อน ไม้ผลเมืองร้อนและกึ่งร้อน พืชผัก ถั่ว ชา กาแฟ ไม้โตเร็ว ไผ่ต่างถิ่นและแฝกสาเหตุที่มีการขยายพันธุ์พืชเมืองร้อนและกึ่งร้อนได้นั้น เพราะพื้นที่ตั้งของสถานีฯ อยู่ในพื้นที่ไม่สูงมากนัก โดยมีความสูงจากระดับน้ำทะเล 720 เมตร อุณหภูมิสูงสุดในเดือนเมษายน 35.76 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุดอยู่ที่ประมาณ 12.82 องศาเซลเซียส
สถานีเกษตรหลวงปางดะ มีพื้นที่ทั้งหมด 1,232 ไร่
โดยแบ่งพื้นที่ใช้ประโยชน์ในการทำแปลงศึกษาวิจัยรวม 804 ไร่
ส่วนพื้นที่ที่เหลือจะคงสภาพป่าไม้เพื่อให้เป็นป่าต้นน้ำลำธาร
สำหรับรูปแบบการดำเนินงานของสถานีฯ แบ่งออกเป็น 4 ด้าน ได้แก่ 1.งานวิจัย
ซึ่งมีทั้งงานวิจัยไม้ผลเมืองหนาว เป็นการศึกษาพันธุ์นำเข้า
เพื่อนำมาปรับปรุงพันธุ์และขยายพันธุ์ ส่วนงานวิจัยพืชผัก จะทำแบบผสมผสาน
ผักใหม่ ผักอินทรีย์และทดสอบพันธุ์ต่างๆ งานวิจัยไม้ดอก
เน้นงานวิจัยและรวบรวมพันธุ์ไม้ดอกเมืองร้อน ทดสอบและขยายพันธุ์
งานวิจัยพืชสมุนไพร นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยถั่วบนพื้นที่สูง
เพื่อศึกษาการปลูกถั่วและรักษาพันธุ์ วิจัยไผ่ต่างถิ่น
โดยมีการปลูกไผ่ร่วมกับพืชเกษตรในกระบวนการเกษตร ศึกษาการทำลายของแมลงกินหน่อไผ่และศึกษาแมลงกินได้จากไผ่
2.งานด้านการผลิตและขยายพันธุ์เป็นการดำเนินงานผลิตเมล็ดพันธุ์และขยาย พันธุ์พืชชนิดต่างๆ เพื่อนำไปส่งเสริมจำหน่าย และสนับสนุนแก่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวง หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงผู้สนใจทั่วไป ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายชนิด ได้แก่ พันธุ์ไม้ผล เช่น พลับ มะเฟือง อะโวกาโด มะละกอ เลมอน เสาวรส ส่วนพืชผักและสมุนไพร เช่น กุยช่ายขาว ถั่วแขก พริกหวาน อะติโชค ผักใหม่ต่างๆ สำหรับพันธุ์ไม้ดอก ก็จะมีหน้าวัวลูกผสมกระเจียว บัวชั้น เฮลิโคเนีย ถ้าเป็นไม้โตเร็วและไผ่ต่างถิ่น มีการบูร จันทร์ทอง เพาโลเนีย ไผ่หวานอ่างขาง ไผ่หยก รวมถึงมีงานผลิตและขยายพันธุ์แฝกด้วย
งานด้านที่ 3 เป็นงานส่งเสริมและพัฒนาอาชีพ โดยส่งเสริมการปลูกข้าวโพดหวานสองสี และพืชผักเป็นกิจกรรมหลัก ในพื้นที่หมู่บ้านเป้าหมาย ผลผลิตที่ได้ส่งจำหน่ายผ่านงานตลาดโครงการหลวง ซึ่งจากการส่งเสริมอาชีพนี้ ทำให้เกษตรกรมีรายได้ และฐานะความเป็นอยู่ดีขึ้น ส่วนงานด้านที่ 4 คืองานพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม ทั้งการจัดฝึกอบรมเกี่ยวกับการใช้สารเคมีอย่างถูกต้องปลอดภัยแก่กลุ่ม เกษตรกรผู้ปลูกพืชผัก อบรมผู้นำเยาวชนร่วมงานมูลนิธิโครงการหลวง จัดตั้งกลุ่มผู้ปลูกพืชและกลุ่มผู้ใช้น้ำในพื้นที่และดำเนินงานสร้าง จิตสำนึกเพื่อการพึ่งพาตนเองของเกษตรกร การพัฒนาและอนุรักษ์ธรรมชาติ เป็นต้น
ด้วยพื้นที่บริเวณสถานีฯ
รวมถึงในบริเวณใกล้เคียงมีสภาพพื้นที่ที่มีความลาดชัน มีป่าที่อุดมสมบูรณ์
ดังนั้น การจะส่งเสริมให้เกษตรกรและชาวบ้านที่อยู่ในที่นี้
มีการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและไม่บุกรุกป่าไม้
ทางสถานีฯ จึงได้ร่วมมือกับกรมพัฒนาที่ดิน
ในการจัดรูปแบบการใช้ประโยชน์ที่ดิน
เพื่อแบ่งแยกพื้นที่ทำกินกับพื้นที่ป่าไม้ให้ชัดเจน
โดยมีการจัดทำเป็นโมเดลต้นแบบ คือ พื้นที่สูงให้คงไว้เป็นป่าต้นน้ำ
ถัดลงมาที่มีความลาดชันให้ปลูกไม้ผล ส่วนพื้นที่ราบให้ปลูกพืชไร่ พืชผัก
ซึ่งในส่วนของแปลงไม้ผลที่อยู่ในพื้นที่ลาดชันกรมพัฒนาที่ดินได้เข้ามาส่ง
เสริมการจัดระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ คือ ทำขั้นบันไดดิน
และปลูกแฝกขวางทางลาดเท เพื่อป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน อย่างไรก็ตาม
ด้วยพื้นที่ทำกินมีจำกัดเป็นเหตุให้ชาวเขาที่อาศัยอยู่บริเวณสถานีฯ
มักจะรุกล้ำแนวเขตป่าไม้บ่อยครั้ง
จึงแก้ปัญหาโดยให้กรมพัฒนาที่ดินเข้าไปทำเส้นทางลำเลียง
เมื่อตัดถนนก็สามารถแบ่งเขตได้อย่างถาวร
อีกทั้งยังสามารถใช้เป็นแนวกันไฟป่าได้ด้วย
นายวิพัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า
ผลจากการศึกษาวิจัยของสถานีเกษตรหลวงปางดะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้น
สามารถพัฒนาพันธุ์พืช
ไม้ผลเมืองหนาวที่สามารถนำมาปลูกในพื้นที่เขตร้อนได้สำเร็จเป็นแห่งแรก
โดยเฉพาะ กีวีฟรุ้ท
ที่มีการปรับปรุงพันธุ์จนได้พันธุ์ใหม่ที่ปลูกได้ในเขตร้อนหรือพื้นที่ที่
ไม่สูงมากนัก ซึ่งสามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ที่อุณหภูมิบนพื้นที่สูงอาจจะร้อนขึ้น
ก็ยังคงมีพันธุ์พืชที่สามารถปลูกได้ทดแทน นอกจากนี้
ยังประสบความสำเร็จในการปลูกไม้ผลขนาดเล็ก ได้แก่ องุ่น ที่ให้ผลตอบแทนสูง
โดยปกติเกษตรกรทั่วไปจะปลูกองุ่นได้ผลผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ 10-15 กิโลกรัม/ต้น
แต่ที่สถานีฯ สามารถปลูกแล้วให้ผลผลิตสูงถึง 85 กิโลกรัม/ต้น ทั้งนี้
ทางสถานีฯ ได้ส่งเสริมขยายผลให้เกษตรกรนำไปปลูกทดแทนพืชอื่น
เพราะเป็นพืชที่ใช้พื้นที่น้อยแต่ให้ผลตอบแทนสูง
โดยมีชาวเขานำไปปลูกในพื้นที่ 2 งาน ประมาณ 40 ต้น
สามารถขายสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 2 แสนบาท
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของผลสำเร็จของงานวิจัยและพัฒนาของสถานีเกษตรหลวงปาง ดะ หากท่านใดสนใจสามารถมาเยี่ยมชม ศึกษาดูงานได้ซึ่งสถานีฯ ตั้งอยู่ที่ 192 ม.10 ต.สะเมิงใต้ อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ หรือ โทร. 0-5337-8046
สถานีเกษตรหลวงปางดะ เป็นสถานีวิจัยหนึ่งในสี่ของมูลนิธิโครงการหลวง ที่มุ่งเน้นดำเนินงานวิจัยและขยายพันธุ์ไม้ผลเขตหนาวและกึ่งหนาว พืชผักและพืชไร่ ซึ่งเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2522 เนื่องจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มีพระราชประสงค์เพื่อช่วยให้ชาวเขามีพื้นที่ทำกินเป็นหลักแหล่ง ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพให้มีรายได้มั่นคง โดยนำพืชเศรษฐกิจซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดให้เกษตรกรปลูก พร้อมทั้งให้คำแนะนำด้านเทคโนโลยีการผลิต การใช้สารเคมีที่ถูกต้องและปลอดภัย ตลอดจนให้เกษตรกรใช้ที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุดตามหลักของการอนุรักษ์ดิน และน้ำ
นายวิพัฒน์ ดวงโภชน์ หัวหน้าสถานีเกษตรหลวงปางดะ เล่าว่า สถานีเกษตรหลวงปางดะ ก่อตั้งขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์คือการขยายพันธุ์พืชผัก พืชไร่ ไม้ผลเป็นหลัก ซึ่งแตกต่างไปจากสถานีเกษตรหลวงอื่นที่ส่วนใหญ่จะก่อตั้งเพื่อแก้ปัญหาของ ชาวเขา โดยเฉพาะเรื่องลดพื้นที่การปลูกฝิ่นด้วยการปลูกพืชผักเมืองหนาวทดแทน ดังนั้น สถานีเกษตรหลวงปางดะ จึงมีการวิจัยและขยายพันธุ์พืชหลากหลายชนิดนอกจากไม้ผล เมืองหนาว ยังมีไม้ดอกเมืองร้อน ไม้ผลเมืองร้อนและกึ่งร้อน พืชผัก ถั่ว ชา กาแฟ ไม้โตเร็ว ไผ่ต่างถิ่นและแฝกสาเหตุที่มีการขยายพันธุ์พืชเมืองร้อนและกึ่งร้อนได้นั้น เพราะพื้นที่ตั้งของสถานีฯ อยู่ในพื้นที่ไม่สูงมากนัก โดยมีความสูงจากระดับน้ำทะเล 720 เมตร อุณหภูมิสูงสุดในเดือนเมษายน 35.76 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุดอยู่ที่ประมาณ 12.82 องศาเซลเซียส
โดยมีการปลูกไผ่ร่วมกับพืชเกษตรในกระบวนการเกษตร ศึกษาการทำลายของแมลงกินหน่อไผ่และศึกษาแมลงกินได้จากไผ่
2.งานด้านการผลิตและขยายพันธุ์เป็นการดำเนินงานผลิตเมล็ดพันธุ์และขยาย พันธุ์พืชชนิดต่างๆ เพื่อนำไปส่งเสริมจำหน่าย และสนับสนุนแก่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวง หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงผู้สนใจทั่วไป ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายชนิด ได้แก่ พันธุ์ไม้ผล เช่น พลับ มะเฟือง อะโวกาโด มะละกอ เลมอน เสาวรส ส่วนพืชผักและสมุนไพร เช่น กุยช่ายขาว ถั่วแขก พริกหวาน อะติโชค ผักใหม่ต่างๆ สำหรับพันธุ์ไม้ดอก ก็จะมีหน้าวัวลูกผสมกระเจียว บัวชั้น เฮลิโคเนีย ถ้าเป็นไม้โตเร็วและไผ่ต่างถิ่น มีการบูร จันทร์ทอง เพาโลเนีย ไผ่หวานอ่างขาง ไผ่หยก รวมถึงมีงานผลิตและขยายพันธุ์แฝกด้วย
งานด้านที่ 3 เป็นงานส่งเสริมและพัฒนาอาชีพ โดยส่งเสริมการปลูกข้าวโพดหวานสองสี และพืชผักเป็นกิจกรรมหลัก ในพื้นที่หมู่บ้านเป้าหมาย ผลผลิตที่ได้ส่งจำหน่ายผ่านงานตลาดโครงการหลวง ซึ่งจากการส่งเสริมอาชีพนี้ ทำให้เกษตรกรมีรายได้ และฐานะความเป็นอยู่ดีขึ้น ส่วนงานด้านที่ 4 คืองานพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม ทั้งการจัดฝึกอบรมเกี่ยวกับการใช้สารเคมีอย่างถูกต้องปลอดภัยแก่กลุ่ม เกษตรกรผู้ปลูกพืชผัก อบรมผู้นำเยาวชนร่วมงานมูลนิธิโครงการหลวง จัดตั้งกลุ่มผู้ปลูกพืชและกลุ่มผู้ใช้น้ำในพื้นที่และดำเนินงานสร้าง จิตสำนึกเพื่อการพึ่งพาตนเองของเกษตรกร การพัฒนาและอนุรักษ์ธรรมชาติ เป็นต้น
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของผลสำเร็จของงานวิจัยและพัฒนาของสถานีเกษตรหลวงปาง ดะ หากท่านใดสนใจสามารถมาเยี่ยมชม ศึกษาดูงานได้ซึ่งสถานีฯ ตั้งอยู่ที่ 192 ม.10 ต.สะเมิงใต้ อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ หรือ โทร. 0-5337-8046
Financial guru Faber knocks Thai 'cronyism', pledging scheme
PRAJYA AURA-EK,
PICHAYA CHANGSORN
THE NATION
Chiang Mai October 1, 2012 1:00 am
PICHAYA CHANGSORN
THE NATION
Chiang Mai October 1, 2012 1:00 am
World-renowned investment guru Marc Faber says cronyism is a concern for an investor like himself as the Thai government has appointed people connected to former prime minister Thaksin Shinawatra.
"I think that, to be quite honest. I as an investor, it concerns me that, for instance, the government appoints principally people connected to Mr Thaksin for, say, Thai [Airways] International," he said."As an investor, to me it sounds very strange that people who run large companies are appointed by the government and that the government then favours people that are supportive of them. There is |still a lot of so-called cronyism. |In other words, I have political power and you're a businessman or you are someone who was at the party before and I give you a good job and the position of power," he said.
The Swiss investor and publisher of the "Gloom Boom & Doom Report" newsletter was speaking at his home in Chiang Mai in an exclusive interview with The Nation Group. Faber also criticised the Yingluck Shinawatra administration's multibillion-baht rice-pledging scheme, saying any price-support mechanism could basically distort the free market and lead to unintended consequences.
"Rice is not endemic to Thailand. Rice is a commodity traded all over the world. If the price should be fixed, it should be fixed all over the world," he said.
Nonetheless, Faber said he was "reasonably positive" about the future of Thailand, where he has resided since 2000 and has invested in some properties and Thai stocks.
"Thailand is unlikely to be a dynamic economy. It's not going to be like South Korea or Taiwan. In the long run, it could easily grow at 4-5 [per cent] per annum for the next 10-20 years unless the whole global economy collapses.
"It's like in the US ... tension between the Democrats and the Republicans are very high ... they just can't agree on anything. In Thailand, I don't know ... the red shirts, the yellow shirts ... both have probably some good and bad points. There is still too much corruption," he said.
Regarding his view on the global economy, Faber said he believed the Chinese economy was currently growing at a maximum of 4 per cent annually and the world economy overall was decelerating dramatically.
Nonetheless, Faber said the stock, gold, bond, currency and real-estate markets were different stories from the official economic figures since central banks would keep printing out money. This money has largely flowed to rich people while the lower middle class and poor have suffered from a higher cost of living.
Faber suggested that the average investor split his or her portfolio equally among stocks, property, gold, and corporate bonds.
"The purchasing power of money has depreciated a lot, and maybe the gold is still cheap. I will never sell my gold," he said.
Faber said the entire financial sector was vulnerable to a setback and a "systemic failure" would occur sooner or later.
"Now I happen to believe if you have money on deposit in Thai banks, it's much safer than if you have deposits with Citigroup, UBS, Royal Bank of Scotland and so on, because Thai banks don't have huge derivative portfolios. JPMorgan, they have trillions of dollars in derivatives. Nobody knows how to value this 'garbage'."
Faber said Thai property was still reasonably priced when compared with real estate in other parts of the world. He said he had invested in some Thai stocks including Bumrungrad International Hospital, Bangkok Dusit Medical Services, CP All, Charoen Pokphand Food, and some companies related to telecommunications and real estate.
Hungry? Just heat it and eat it
Parinyaporn Pajee
The Nation October 1, 2012 1:00 am
The Nation October 1, 2012 1:00 am
The pressures of urban life are making ready-to-eat meals the food of choice for an increasing number of people; they cater to popular tastes, are cheaper, hygienic and simply convenient
Unlike many countries, Thailand is a paradise for fresh cooked food. Hot, made-to-order meals are available everywhere, 24 hours a day, with vendors just a few steps from your home. However, consumer behaviour is gradually changing.Those living in an urban society want something quicker than having to walk out and wait to order food. Instead, they stock up on their favourite dishes - ready-to-eat (RTE) frozen meals - and reheat them. In just a few minutes, they are ready to eat.
Preserved foods used to be considered as meant for emergency situations like the flood disaster last year. Besides, eating preserved food is perhaps not the right choice from the viewpoint of health. However, advanced technology that improves food quality and brings the taste closer to the fresh-cooked original, marketing campaigns, tasting activities and brochures explaining the RTE manufacturing process have helped to break the negative image of frozen food.
Anurat Khokasai, chief marketing officer and chief operating officer of Union Frozen Products Co, which makes Prantalay-brand seafood products, said recently that he did some research eight years ago and found that only 3 per cent wanted to try frozen food. But now everyone knows what frozen RTE food is and more than 90 per cent have tried it.
"We buy it to stock in the fridge, take it out for lunch instead of lining up to order cooked food at shops or restaurants," he said.
Bt6 billion-Bt8 billion market
Now the market is worth Bt6 billion-Bt8 billion with more players jumping in and new dishes being released every month, ranging from rice dishes and dim sum to snacks and processed fruit like roasted bananas with sweet paste.
"Now urban dwellers consume at least one RTE meal a day. I hope it will be increased to two meals a day," says Suphat Sritanatorn, senior vice president for the modern trade business at CPF Trading, which accounts for 25 per cent of the RTE market with products distributed at its own convenience stores like 7-Eleven and CP Fresh Mart.
Prantalay's Anurat estimates that everyone eats an RTE meal at least once a week.
"If we open the fridge at any house, I think we'll definitely see an RTE meal in it. It's very common nowadays to store one or more RTE packs just in case," he says.
Suphat said RTE meals are gaining popularity due to the evolving lifestyles. People are moving into high-rise condominiums, where it is inconvenient for them to cook. Stocking up on frozen RTE meals is an option when hunger strikes.
"The basic kitchen appliances in a family are a refrigerator, microwave oven and baking oven and that trend dictates product release as well," he said.
"A lot of young people don't cook and RTE meals are convenient and have more nutritional value than instant noodles. When you are hungry, you can just warm them in the microwave for a few seconds," Anurat said.
Suphat's research showed that spending by urban people on RTE food was the highest in the evening and late nights on weekdays when people are tired after work and traffic jams. They just need something to quickly fill their stomach and then go to bed.
RTE menus are influenced by what people like ordering when they go to cooked-to-order shops, like the popular Thai dish khao pad krapao moo sap (stir-fried minced pork and Thai sweet basil on rice) and khao khai jiaw koong sap (Thai-style omelette with minced shrimp on rice).
These single dishes are transformed into RTE meals with portions ranging from 200-400 grams. Prices vary from Bt29-Bt55 or can go up to Bt80-Bt120 for larger portions. International favourites are also available, including spaghetti carbonara, chicken rice, shrimp wonton with egg noodle soup and vegetarian dishes.
"Customers will care for the taste and price. If it's aroy [delicious] and the price is reasonable, they pay for it even though sometimes it's more expensive," Suphat said.
Though the dish that people think is popular is khao pad krapao, Charoen Pokphand Food's bestsellers are spaghetti carbonara and shrimp wonton. These are special dishes that you can't get from any cooked-to-order shop. The wontons are made with whole shrimp, not minced shrimp, and spaghetti carbonara costs in the hundreds of baht in an Italian restaurant, not Bt70 like this RTE meal.
Prantalay offers other options to rice with seafood dishes like rice soup with grouper fish and shrimp, which turned out to be the brand's top-selling product.
Packaging and food presentation also influence the customer's buying decision as much as the price and portion.
"Thais are very fussy when it comes to food. So we keep doing research and improve the products all the time," Suphat said.
"But snack food sales are much higher than main dishes with rice because they can be eaten anytime like for kids when they get back from school or when we party with friends," he said.
Though people are depending more on RTE meals, RTE cannot defeat cooked-to-order shops, which can provide more variety and flavours. The freezing process also affects the ingredient structure and taste. Green vegetables lose their bright colours and sharp flavours, while fried meat products still have a problem in maintaining their crispiness.
"There's technology to do that but it will increase the product's cost. It will be like discovering a gold mine if any company can get it right," he said.
"My ideal product is an RTE meal that can stay fresh at room temperature, no refrigeration required," Anurat said.
Many Thai foods have chilli as the key ingredient to make them hot and spicy. However what they found is a lack of consistency of its spices even though they are from the same tree.
Booming domestic sales
Though the RTE meal market is booming, sales are only domestic, not international. While the
government is trying to promote the "Thai Kitchen of the World" project, RTE food will probably find it easier to reach customers than Thai restaurants. The flavour and quality are proven because of mass production, while purchases will be cheaper than going out to eat at a Thai restaurant.
CPF has already successfully exported whole shrimp wonton
to US supermarkets and stores worldwide, but it's not easy because of the complicated
procedures. Before getting approval to place the product on foreign supermarket shelves, the supplier needs to make preparations. They then face check-ups from partners, not to speak of embargoes on some meat products in some countries.
"If we get support from the government and work together, RTE meals are a lot easier to boost sales of Thai food to the world market," Suphat added.
Viva vientiane, A survivor with style
Despite communist rule and the march of modernity, the city by the Mekong remains one of Asia's most laidback, sublime capitals, and it's a convenient launch pad from which to explore gorgeous Vang Viang
- Published: 30/09/2012 at 02:30 AM
- Newspaper section: Brunch
On the evening before the first day of Khao
Pansa _ Buddhist Lent _ last month, a full moon rising in the east
magically complimented the sun setting behind a bend in the mighty
Mekong, smearing dazzling golds, oranges and reds across the river that
flows right alongside the heart of the utterly unpretentious Lao
capital. The sense of space here is simply overwhelming, and enhanced by
the fresh breezes giving shape to the Lao national flag and an equally
large red communist banner with a yellow hammer-and-sickle motif, both
of which stand on the bank atop soaring flagpoles.
Vientiane’s majestically spacious promenade along the Mekong looks more like a beachfront.
Who says Laos is landlocked? This vast promenade of Tiananmen
proportions possesses a more profound sense of place than many beaches
in countries that have actual seacoasts. For kilometre after kilometre,
strollers, cyclists and skateboarders savour the sheer emptiness of
waterside Vientiane, which nearby still sports the wide and also most
walkable tree-lined avenues that testify that this was once a part
(albeit a sleepy backwater) of French Indochina.While neighbouring China and Vietnam pay deference to Mao Zedong and Ho Chi Minh in their stately mausoleums, this breathtaking, sweeping riverside expanse in the capital of the Lao People's Democratic Republic, called Chao Anouvong Park, is named after not a communist leader, but the last king of Vientiane, who was best known for attempting to free his country from Thai rule.
communism and Buddhism coexist in Laos without signs of contradiction.
Near the river, in a massive, attention-commanding statue, Chao
Anouvong looks out over and gestures with his right arm towards the land
he invaded in a botched rebellion he started in 1826. His fateful
attack on Siam motivated Laos' stronger neighbour to invade and destroy
much of the city in 1828. Elsewhere in town are the also regal statues
of Fa Ngum, who founded the first Lao kingdom of Lan Xang (Land of a
Million Elephants) in 1353, and 19th-century monarch Sisavangvong.On sale in the park are small talismanic photos, with "Red Prince" Souphanouvong on one side and Lao revolutionary leader Kaysone Phomvihane on the other, which are bought for the good luck they are credited with bringing.
A few years ago the scenic riverside area where the park now lies was awash with ramshackle restaurants and beer gardens, which the authorities removed in order to beautify and reclaim the area. After sundown, a lively night market sells everything from local-style Buddhist images to Hmong pa ndau folk-style weavings to T-shirts emblazoned with "LAO PDR" beneath the national flag.
After dark, a number of trendy restaurants in the city centre come to life, many being situated in smartly converted old colonial French houses with their pitched tile roofs, windows with shutters and thick walls, which are found along streets with spacious footpaths that are a joy to walk down and are marked on their signs with the French "rue" rather than the English "road" below their names in the local language. The bills for these restaurants serving Lao, French, Italian and many other cuisines in this international city are often presented with amounts stated in not only Lao kip, but also in baht, US dollars and euros.
In the new multi-storey, architecturally Lao-accented Talad Sao shopping mall, a T-shirt for sale bears an image of a colonial-era postage stamp and the rather counterrevolutionary message "Royaume du Laos: Union Francaise" (Kingdom of Laos: French Union). In the centre's food court, cheap baguettes are offered with Lao-style pate.
a typically leafy, broad Vientiane avenue.
While China and Sinicised Vietnam are not quite sure how to handle
the return of religion (and certainly not the legacies of past emperors)
to their increasingly less communist societies, the more pragmatic
communist leaders of Laos have for decades allowed the public to freely
practise Theravada Buddhism in daily life, and tout the classical Lao
faith and former monarchy as key symbols of Laos's national heritage.
While China and Vietnam doggedly stick to the communist course, at least
in terms of being officially represented in state symbols by stars, the
national symbol of Laos was long ago changed; a hammer and sickle was
replaced with an image of Vientiane's gilded Pha That Luang, the
elegantly, curvaceously Lao-style stupa that is a must see for its
embodiment of traditional local culture. A stately statue of King
Setthathirat, who ordered the edifice's construction in 1566, stands
nearby.Peppering the provincial-like town of under a million inhabitants are many traditional Buddhist temples that closely resemble those of neighbouring Thailand.
At no time is Lao Buddhism's continuing influence more greatly or elegantly manifested than on the first day of Khao Pansa. On Aug 2, at temples across the capital like Wat Ong Teu and Wat Mixay, and elsewhere in the mountainous country, Lao women in colourful silk blouses and elegant pha nung sarongs with elaborately embroidered hems, and their menfolk sporting pha biang shoulder sashes, made monetary donations and offerings of candles, incense and flowers. With the quietude and devotion of their ancestors, Laotians of all ages and from all walks of life made merit and paid respect before golden images.
Whereas most of their counterparts in Bangkok have turned to international fashions, many young women in Vientiane also wear a pha nung nung every day.
A unique destination for Thais is the attractively understated and darkly hued Haw Pha Kaew, which, as its name indicates, once housed the Emerald Buddha that now resides in Bangkok. It's a much more subdued affair here; instead of the smartly, regally uniformed attendants and guards in the Bangkok's most sacred wat, Vientiane's Emerald Buddha holy site was locked up at the end of the day by a young man in jeans and a Beerlao T-shirt.
Meanwhile in the Lao National Museum in central Vientiane, above the creaking wooden floorboards in this converted colonial-era edifice, images of Marx and Lenin stand testament to the land's political ideology, which gradually yields more to capitalist global norms year by year. A highlight here are many galleries of simple but powerful black-and-white photographs of Laotians injured by "imperialist" US bombings during the "secret war" in the 1960s and 1970s.
A block away and also on Rue Samsenthai is a popular branch of Thailand's Black Canyon coffeehouse, one of many venues for relaxing and reading in the mid-sized town. Another Thai chain, True Coffee, also has a presence in the Lao capital. With few tourists in town now during the daily rains of low season, Vientiane is even less populated than usual, and small enough and easy enough to amble around, or catch the occasional oversized tuk-tuk from laidback drivers who rarely hassle or hustle potential customers.
There are several good French-style cafes such as Le Banneton on Rue Nokeokoummane, and others on this street, as well as on or nearby Rue Setthathirath, a few blocks from the water, where one can sip espresso or a stiff Lao coffee (a cousin of Thailand's gafae boran) while breakfasting with a piping hot baguette and leafing through a copy of the Vientiane Times.
Vientiane is conveniently close to nature, and the best out-of-town odyssey in the greater capital region as got to be Vang Viang, about three hours to the north via the winding Route 13.
Often dismissed as little more than a wretched hive of drunken and stoned backpackers, the riverside town remains a fine destination for its magnificent position near emerald rice fields and Hmong villages plus a stunning backdrop of limestone karst, which during the rainy season are exceptionally beautiful, popping in and out of the clouds as in a Chinese landscape painting.
In the off season there are as not many youngsters drinking booze while tubing down the nearby rivers, and the area is ideal for bicycling or kayaking. Nestled along the Song River are many secluded guesthouses like the Maylyn Guesthouse or Le Jardin Organique Bungalows, run by friendly locals and Europeans in rural environs not unlike Pai in Thailand's Mae Hong Son province, but in an even prettier environment.
Even here, in the so-called sin city, residents celebrated the first night of Khao Pansa by visiting the town's modest temples. Other locals just twirled their hands in ramvong motions and swayed to luk tung tunes on the ground floor of their shop-houses around town, saying "sabaidee" to passersby. Some simply lit candles and placed them in the front of their modest homes.
Having survived warfare and revolution, and, more recently increasing globalisation and the intrusion of lowbrow tourists, Lao culture still manages to shine brightly.
young Lao girls in ‘pha nung’ sarongs on their way to a temple to celebrate the start of Khao Phansa.
Unfazed by rising costs, philanthropist vows to continue running free Khao San Road clinic
Thanapat Kitjakosol
The Nation on Sunday September 30, 2012 1:00 am
The Nation on Sunday September 30, 2012 1:00 am
A philanthropist businessman has vowed to continue running his free polyclinic till the end of his life despite a steady increase in monthly costs.
Surat Wongcharnsil, 53, has operated the Surat Medical Polyclinic on Khao San Road, a predominantly tourist area of Bangkok, for nearly five years, spending up to Bt150,000 on the salaries of the resident doctors and staff. The free clinic treats both poor people and those who are able to pay, in addition to foreign tourists frequenting the area and illegal migrant workers.In the near future, free traditional massage for people having nerve-related problems, paralyses or pareses of any kind will be available as rehabilitation treatment. This service, once ready, will be provided by a number of doctors and professional practitioners, which would cost the clinic another Bt80,000 in monthly cost for 20 patients a day.
The ground floor of the clinic will be soon expanded, to accomm-odate more patients, on top of the daily average of 40, and part of it will be made into a library where Dhamma books will be provided. A meditation centre will be opened for those interested, he added.
He said the medicines prescribed by his clinic cost him Bt80,000 a month, and the figure would soon rise to Bt100,000 because he only wanted quality medicines to be prescribed to patients. "If only cheap medicines are prescribed to them, they will return for extended treatments anyway," he explained.
Surat said he was inspired by a "Bt5 Clinic" operated Dr Sapha Limphanichkarn in the Rama V Road area, which charges all patients only Bt5, irrespective of the cost of treatment. Surat said he opened the clinic to honour a vow he made when his mother was seriously ill a few years ago.
"I pleaded for my mother's recovery at the time, and made a vow to give free medical treatment for the rest of my life in exchange for that, and two days later, my mum recovered, and returned to normalcy immediately," he said.
"She lived for another three years, before passing away at 82. I want to continue operating my free clinic until the rest of my life if my wife and my children approve of this decision of mine in the long term," said Surat.
He said many people thought that he was running the free clinic to seek popularity and enter politics in the near future. Even close friends kept asking him: "Why the hell are you doing this?"
"I have done it for the mere sake of fulfilment of my happiness achieved through giving, especially giving to those in need, in addition to keeping my vow for my mother's health," he added.
Surat's earnings come from a leather export business, rents from a resort in Phetchaburi, and also from his eight apartments in Bangkok, along with leases from shophouses in the Khao San area. He said he could absorb the expenditure on the clinic.
Surat Medical Polyclinic has 35,000 patients in its registration, making up 60 per cent of all patients who are mostly Thais, while the remaining 40 per cent are foreign tourists and migrant workers and hilltribe people who are both legal and illegal. There are 10 part-time resident doctors and two nurses on daily duty.
The polyclinic, located on Ram Butree Road across from Wat Chana Songkhram, is open from 5pm to 9pm on weekdays and from 9am to 1pm at the weekend. It is closed every Wednesday and on public holidays.
Dr Bancha Rojwimolkarn, a resident doctor, said he was proud to work at this free clinic, and that the medical service here was of the same or higher quality than the Bt30 universal healthcare, because of good medication and high-cost treatment, without patients having to undergo observatory periods like elsewhere. "Even patients who can afford good treatment come here, and pay, because they are impressed with the efficient services here," he added.
A male nurse, Thitinant Udomphol, said Surat kept telling the staff to treat patients as if they were their relatives, and the staff had treated all patients equally, irrespective of how they dressed or whatever their social status. "I feel good working here. It's to me like making additional merit, working in this profession," he said.
Suphachai Wongphinij, the other male nurse, said he could have earned more elsewhere, but he chose to work at this clinic because it made him proud.
A dressmaker, Sawang Kaewkhontho, said the clinic's odd working hours are good for people like her who work all day.
Six dead, dozens injured in Thai south
- View PhotoBomb squad members inspect the site of a bomb blast in Thailand's Narathiwat province …
Bombing
and shooting attacks have killed six people and left 27 wounded across
the restive Thai south in two days of violence in the insurgency-plagued
region, police said Sunday.
Five people were gunned down and over two dozen injured in a spate of
incidents Saturday that spanned all three provinces in Thailand's
Muslim-majority south where an eight-year conflict has claimed thousands
of lives.In Pattani, unknown gunmen shot dead a Muslim policeman, a 74-year-old Buddhist and a Muslim security volunteer in different attacks.
Another shooting in Yala targetted a Buddhist couple on their way to the local market, leaving the wife dead and the husband injured. A similar incident in Narathiwat saw a man and wife -- both security volunteers on their way to a shooting training session -- shot, killing the woman and wounding her husband.
Also in Narathiwat, suspected militants fired two M-79 grenades into a busy local market festival, causing injuries to 23 people, although police said none was thought to be serious.
In fresh attack early Sunday, one 18-year-old Muslim man was found shot dead in Yala, while a mother and daughter were also attacked and injured by gunmen in a separate incident in the same province.
A complex insurgency calling for greater autonomy has plagued Thailand's far south near the border with Malaysia since 2004, claiming more than 5,300 lives, both Buddhist and Muslim, with near daily bomb or gun attacks.
In response to an increase in violence over the summer, authorities in Thailand, a predominantly Buddhist country, said they had renewed peace talks with militant leaders.
The latest attacks come a little over a week after at least six people were killed and more than 40 injured when a car bomb exploded in a busy shopping street in Sai Buri town, Pattani.
Militants opened fire on shops shortly after Friday prayers, luring security forces to the scene before detonating the bomb.
A leaflet campaign warning of violent repercussions for shops and restaurants opening on the Islamic prayer day led the vast majority of business in major towns to shutter their operations last Friday.
More about the story
- Six dead, dozens wounded in Thai south car bomb
- 6 die, 50 hurt in south Thailand blast
- Four shot dead and burnt in Thai south unrest
- Violence explodes as Muslims protest anti-Islam film
- Suicide bomber at Nigeria church kills two, wounds dozens
- 2 killed in 3 shootings in Thailand's restive South
- Israeli soldier, 3 gunmen killed near Egyptian border
วันเสาร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2555
ราชบัณฑิตเตรียมแก้ 176 คำศัพท์ภาษาอังกฤษ เหตุเขียนไม่ตรงหลัก
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
ราชบัณฑิต เผยศัพท์ภาษาอังกฤษใหม่เขียนไม่ตรงกับเสียงวรรณยุกต์ ล่าสุดเตรียมเสนอแก้ไขใหม่ 176 คำศัพท์ เช่น เรดาร์ โควต้า เป็นต้น
จาก กรณีที่มีคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่หากเขียนเป็นภาษาไทยแล้วไม่มีวรรณยุกต์ จนอาจทำให้ประชาชนบางคนเกิดความสับสนว่าเขียนอย่างไรกันแน่นั้น อย่างก็ตามเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 29 กันยายน นางกาญจนา นาคสกุล ราชบัณฑิต และนายกสมาคมครูภาษาไทยแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ทางกอง ศิลปกรรมได้จัดทำแบบสำรวจความคิดเห็นประมาณ 300 ชุด เพื่อสอบถามความเห็นจากคณะกรรมการราชบัณฑิต ภาคีสมาชิก และผู้ที่เกี่ยวข้องในการเปลี่ยนแปลงการเขียนคำที่ยืมจากภาษาอังกฤษใหม่ จำนวน 176 คำ ที่เขียนผิด และออกเสียงไม่ตรงกับเสียงวรรณยุกต์ตามอักขรภาษาไทย โดยหากผลการสำรวจความคิดเห็นส่วนใหญ่เห็นด้วยว่าควรเปลี่ยนคำไหน ก็จะนำไปบรรจุในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 ต่อไป
สำหรับคำศัพท์ที่อยู่ในแบบสำรวจ เพื่อขอความเห็นในการเปลี่ยนแปลงการเขียนใหม่ ดังนี้
1. คำที่ใส่เครื่องหมายไม้ไต่คู้เพื่อแสดงสระเสียงสั้น ได้แก่
ซีเมนต์ เปลี่ยนเป็น ซีเม็นต์
เซต เปลี่ยนเป็น เซ็ต
เซนติกรัม เปลี่ยนเป็น เซ็นติกรัม
เซนติเกรด เปลี่ยนเป็น เซ็นติเกรด
เซนติลิตร เปลี่ยนเป็น เซ็นติลิตร
ไดเรกตริกซ์ เปลี่ยนเป็น ไดเร็กตริก
เทนนิส เปลี่ยนเป็น เท็นนิส
นอต เปลี่ยนเป็น น็อต
นิวตรอน เปลี่ยนเป็น นิวตร็อน
เนตบอล เปลี่ยนเป็น เน็ตบอล
เนปจูน เปลี่ยนเป็น เน็ปจูน
เบนซิน เปลี่ยนเป็น เบ็นซิน
แบคทีเรีย เปลี่ยนเป็น แบ็คทีเรีย
มะฮอกกานี เปลี่ยนเป็น มะฮ็อกกานี
เมตริก เปลี่ยนเป็น เม็ตตริก
เมตริกตัน เปลี่ยนเป็น เม็ตริกตัน
แมงกานิน เปลี่ยนเป็น แม็งกานิน
อิเล็ก ตรอน เปลี่ยนเป็น อิเล็กตร็อน
เฮกโตกรัม เปลี่ยนเป็น เฮ็กโตกรัม
เฮกโตลิตร เปลี่ยนเป็น เฮ็กโตลิตร
2. คำที่เปลี่ยนตัวพยัญชนะเป็นอักษรสูง ได้แก่
คอร์ด เปลี่ยนเป็น ขอร์ด
แคโทด เปลี่ยนเป็น แคโถด
ซัลเฟต เปลี่ยนเป็น ซัลเฝต
ไทเทรต เปลี่ยนเป็น ไทเถรต
ไนต์คลับ เปลี่ยนเป็น ไน้ต์ขลับ
พาร์เซก เปลี่ยนเป็น พาร์เส็ก
แฟลต เปลี่ยนเป็น แฝล็ต
สเปกโทร สโกป เปลี่ยนเป็น สเป็กโทรสโขป
ไอโซโทป เปลี่ยนเป็น ไอโซโถป
3. คำที่ใส่เครื่องหมายวรรณยุกต์เอก ได้แก่
กอริลลา เปลี่ยนเป็น กอริลล่า
แกโดลิเนียม เปลี่ยนเป็น แกโดลิเนี่ยม
แกมมา เปลี่ยนเป็น แกมม่า
แกลเลียม เปลี่ยนเป็น แกลเลี่ยม
คูเรียม เปลี่ยนเป็น คูเรี่ยม
แคดเมียม เปลี่ยนเป็น แคดเมี่ยม
แคลเซียม เปลี่ยนเป็น แคลเซี่ยม
แคลอรี เปลี่ยนเป็น แคลอรี่
โครเมียม เปลี่ยนเป็น โครเมี่ยม
ซิงโคนา เปลี่ยนเป็น ซิงโคน่า
ซิลิคอน เปลี่ยนเป็น ซิลิค่อน
ซีเซียม เปลี่ยนเป็น ซีเซี่ยม
ซีนอน เปลี่ยนเป็น ซีน่อน
ซีเรียม เปลี่ยนเป็น ซีเรี่ยม
โซลา เปลี่ยนเป็น โซล่า
ดอลลาร์ เปลี่ยนเป็น ดอลล่าร์
เทคโนโลยี เปลี่ยนเป็น เท็คโนโลยี่
แทนทาลัม เปลี่ยนเป็น แทนทาลั่ม
ไทเทเนียม เปลี่ยนเป็น ไทเทเนี่ยม
เนบิวลา เปลี่ยนเป็น เนบิวล่า
ไนลอน เปลี่ยนเป็น ไนล่อน
แบเรียม เปลี่ยนเป็น แบเรี่ยม
ปริซึม เปลี่ยนเป็น ปริซึ่ม
ปิโตรเลียม เปลี่ยนเป็น ปิโตรเลี่ยม
แพลทินัม เปลี่ยนเป็น แพลทินั่ม
ฟังก์ชัน เปลี่ยนเป็น ฟังก์ชั่น
ฟาทอม เปลี่ยนเป็น ฟาท่อม
ไมครอน เปลี่ยนเป็น ไมคร่อน
ยิปซัม เปลี่ยนเป็น ยิปซั่ม
ยูเรเนียม เปลี่ยนเป็น ยูเรเนี่ยม
เลเซอร์ เปลี่ยนเป็น เลเซ่อร์
วอลเลย์บอล เปลี่ยนเป็น วอลเล่ย์บอล
อะลูมิเนียม เปลี่ยนเป็น อะลูมิเนี่ยม
อีเทอร์ เปลี่ยนเป็น อีเท่อร์
เอเคอร์ เปลี่ยนเป็น เอเค่อร์
แอลฟา เปลี่ยนเป็น แอลฟ่า
ฮาห์เนียม เปลี่ยนเป็น ฮาห์เนี่ยม
ฮีเลียม เปลี่ยนเป็น ฮีเลี่ยม
4. คำที่ใส่ ห นำเพื่อแสดงเสียงวรรณยุกต์เอก ได้แก่
กะรัต เปลี่ยนเป็น กะหรัต
แกรนิต เปลี่ยนเป็น แกรหนิต
คลินิก เปลี่ยนเป็น คลิหนิก
คาทอลิก เปลี่ยนเป็น คาทอหลิก
คาร์บอเนต เปลี่ยนเป็น คาร์บอเหนต
คาร์บอลิก เปลี่ยนเป็น คาร์บอหลิก
โคออร์ดิเนต เปลี่ยนเป็น โคออร์ดิเหนต
รูเล็ตต์ เปลี่ยนเป็น รูเหล็ตต์
5. คำที่เติมเครื่องหมายวรรณยุกต์โท ได้แก่
กลูโคส เปลี่ยนเป็น กลูโค้ส
กิโลไซเกิล เปลี่ยนเป็น กิโลไซเกิ้ล
กิโลเมตร เปลี่ยนเป็น กิโลเม้ตร
กิโลเฮิรตซ์ เปลี่ยนเป็น กิโลเฮิ้รตซ์
กีตาร์ เปลี่ยนเป็น กีต้าร์
แกรไฟต์ เปลี่ยนเป็น แกรไฟ้ต์
คาร์บอน เปลี่ยนเป็น คาร์บ้อน
คาร์บูเรเตอร์ เปลี่ยนเป็น คาร์บูเรเต้อร์
เคเบิล เปลี่ยนเป็น เคเบิ้ล
โควตา เปลี่ยนเป็น โควต้า
ชอล์ก เปลี่ยนเป็น ช้อล์ก
ซอส เปลี่ยนเป็น ซ้อส
โซเดียม เปลี่ยนเป็น โซเดี้ยม
ไดนาไมต์ เปลี่ยนเป็น ไดนาไม้ต์
แทนเจนต์ เปลี่ยนเป็น แทนเจ้นต์
แทรกเตอร์ เปลี่ยนเป็น แทรกเต้อร์
นิกเกิล เปลี่ยนเป็น นิกเกิ้ล
ไนต์คลับ เปลี่ยนเป็น ไน้ต์ขลับ
ไนโตรเจน เปลี่ยนเป็น ไนโตรเจ้น
บารอมิเตอร์ เปลี่ยนเป็น บารอมิเต้อร์
บีตา เปลี่ยนเป็น บีต้า
ปาทังกา เปลี่ยนเป็น ปาทังก้า
ปาร์เกต์ เปลี่ยนเป็น ปาร์เก้ต์
พลาสติก เปลี่ยนเป็น พล้าสติก
ฟาสซิสต์ เปลี่ยนเป็น ฟ้าสซิสต์
มอเตอร์ เปลี่ยนเป็น มอเต้อร์
เมตร เปลี่ยนเป็น เม้ตร
ไมกา เปลี่ยนเป็น ไมก้า
ยีราฟ เปลี่ยนเป็น ยีร้าฟ
เรดอน เปลี่ยนเป็น เรด้อน
เรดาร์ เปลี่ยนเป็น เรด้าร์
เรเดียม เปลี่ยนเป็น เรเดี้ยม
ลิกไนต์ เปลี่ยนเป็น ลิกไน้ต์
แวนดา เปลี่ยนเป็น แวนด้า
อาร์กอน เปลี่ยนเป็น อาร์ก้อน
แอนติบอดี เปลี่ยนเป็น แอนติบอดี้
เฮิรตซ์ เปลี่ยนเป็น เฮิ้รตซ์
ไฮดรา เปลี่ยนเป็น ไฮดร้า
ไฮโดรเจน เปลี่ยนเป็น ไฮโดรเจ้น
6. คำที่เติมเครื่องหมายวรรณยุกต์ตรี ได้แก่
กราฟ เปลี่ยนเป็น กร๊าฟ
ก๊อซ เปลี่ยนเป็น ก๊อซ
กอล์ฟ เปลี่ยนเป็น ก๊อล์ฟ
เกาต์ เปลี่ยนเป็น เก๊าต์
ออกไซด์ เปลี่ยนเป็น อ๊อกไซด์
โคบอลต์ เปลี่ยนเป็น โคบ๊อลต์
ดราฟต์ เปลี่ยนเป็น ดร๊าฟต์
ดัตช์ เปลี่ยนเป็น ดั๊ตช์
ดิสโพรเซียม เปลี่ยนเป็น ดิ๊สโพรเซี่ยม
เดกซ์โทรส เปลี่ยนเป็น เด๊กโทรัส
เต็นท์ เปลี่ยนเป็น เต๊นท์
บาสเกตบอล เปลี่ยนเป็น บ๊าสเก้ต บอล
บิสมัท เปลี่ยนเป็น บิ๊สมั้ท
แบงก์ เปลี่ยนเป็น แบ๊งก์
โบต เปลี่ยนเป็น โบ๊ต
ปลาสเตอร์ เปลี่ยนเป็น ปล๊าสเต้อร์
ปิกนิก เปลี่ยนเป็น ปิ๊กหนิก
ออกซิเจน เปลี่ยนเป็น อ๊อกซิเย่น
ออกซิเดชัน เปลี่ยนเป็น อ๊อก ซิเดชั่น
ออกไซด์ เปลี่ยนเป็น อ๊อกไซด์
อาร์ต เปลี่ยนเป็น อ๊าร์ต
เอกซเรย์ เปลี่ยนเป็น เอ๊กซเรย์
แอสไพริน เปลี่ยนเป็น แอ๊สไพริน
แอสฟัลต์ เปลี่ยนเป็น แอ๊สฟัลต์
โอ๊ด เปลี่ยนเป็น โอ๊ต
7. คำที่มีหลายพยางค์ ได้แก่
คอนเดนเซอร์ เปลี่ยนเป็น ค็อนเด็นเซ่อร์
คอนแวนต์ เปลี่ยนเป็น ค็อนแว็นต์
คอนเสิร์ต เปลี่ยนเป็น ค็อนเสิร์ต
คอมพิวเตอร์ เปลี่ยนเป็น ค็อมพิ้วเต้อร์
คอมมานโด เปลี่ยนเป็น ค็อมมานโด
คอมมิวนิสต์ เปลี่ยนเป็น ค็อมมิวนิสต์
คูปอง เปลี่ยนเป็น คูป็อง
เครดิตฟองซิเอร์ เปลี่ยนเป็น เครดิตฟ็องซิเอร์
แคดเมียม เปลี่ยนเป็น แค็ดเมี่ยม
แคปซูล เปลี่ยนเป็น แค็ปซูล
แคลเซียมไซคลาเมต เปลี่ยนเป็น แคลเซี่ยมไซคลาเมต
ช็อกโกเลต/ ช็อกโกแลต เปลี่ยนเป็น ช็อกโกแล็ต
เซนติเมตร เปลี่ยนเป็น เซ็นติเม้ตร
โซเดียมคาร์บอเนต เปลี่ยนเป็น โซเดี้ยมคาร์บอเหนต
โซเดียมไซคลาเมต เปลี่ยนเป็น โซเดี้ยมไซคลาเหมต
โซเดียมไฮโดรเจนกลูทาเมต เปลี่ยนเป็น โซเดี้ยมไฮโดรเจ้นกลูตาเหมต
โซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนต เปลี่ยนเป็น โซเดี้ยมไฮโดร เจ้นคาร์บอเหนต
ดีเปรสชัน เปลี่ยนเป็น ดีเปร๊สชั่น
เทคโนโลยี เปลี่ยนเป็น เท็คโนโลยี่
แทรกเตอร์ เปลี่ยนเป็น แทร็กเต้อร์
แบดมินตัน เปลี่ยนเป็น แบ็ดมินตั้น
แบตเตอรี่ เปลี่ยนเป็น แบ็ตเตอรี่
พลาสมา เปลี่ยนเป็น พล้าสม่า
โพแทสเซียม เปลี่ยนเป็น โพแท้สเซี่ยม
เมนทอล เปลี่ยนเป็น เม็นท่อล
แมงกานีส เปลี่ยนเป็น แม็งกานี้ส
แมกนีเซียม เปลี่ยนเป็น แม็กนีเซี่ยม
รีดักชัน เปลี่ยนเป็น รีดั๊กชั่น
ลอการิทึม เปลี่ยนเป็น ล็อกการิทึ่ม
สเปกตรัม เปลี่ยนเป็น สเป๊กตรั้ม
สเปกโทรสโกป เปลี่ยนเป็น สเป็กโตรสโขป
ออกซิเดชัน เปลี่ยนเป็น อ๊อกซิเดชั่น
อัลตราไวโอเลต เปลี่ยนเป็น อัลตร้าไวโอเหล็ต
แอกทิเนียม เปลี่ยนเป็น แอ๊กทิเนี่ยม
แอนติอิเล็ก ตรอน เปลี่ยนเป็น แอ็นติอิเล็กตร็อน
เฮกตาร์ เปลี่ยนเป็น เฮ็กต้าร์
เฮกโตเมตร เปลี่ยนเป็น เฮ็กโตเม้ตร
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)