พระสมเด็จนั้นเป็นพระเครื่องที่มีปัญหามากที่สุดในการถกกันว่าแท้/เก๊ แต่ถ้าเราเอาใจออกห่างไม่ยึดติดและมองพระเครื่องพระสมเด็จแบบที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า ศึกษาแบบ objectively ไม่ใช่ศึกษาแบบ subjectively เราก็จะสามารถเข้าใจได้ดี และได้พระสมเด็จมาครอบครอง อย่างแท้จริง ทั้งนี้สำหรับคนชอบพระเครื่องพระสมเด็จเท่านั้น ให้จำไว้ว่า
๑.การศึกษาเรื่องพิมพ์ทรงนั้นไม่ยาก ใช้เวลาไม่นานท่านก็จะเข้าใจดี
๒.การศึกษาเนื้อพระสมเด็จนั้นยากเหตุเพราะพระสมเด็จมีหลายเนื้อนั้นเอง ดังนั้นท่านต้องเลือกว่าท่านจะชอบเนื้อพระแบบไหน ท่านก็จงเน้นเฉพาะเนื้อแบบนั้น แต่อย่าด่วนไปสรุปว่าของคนอื่นเก๋เพราะเนื้อพระไม่เหมือนของท่าน ถ้าเป็นดั่งนี้แสดงว่าท่านศึกษาแบบ subjectively คือเข้าข้างตัวเอง
๓.ศึกษาธรรมชาติของเนื้อพระนั้นๆ อันนี้ยากที่สุดเพราะท่านจะต้องเป็นนักวิยาศาตร์โดยปริยาย ท่านจะต้องลงมือค้นคว้า หาข้อสรุปที่เป็นจริงแบบนักวิทยาศาสตร์ ท่านต้องศึกษาธรรมชาติของเนื้อพระที่ผ่านกาลเวลามานับร้อยกว่าปี/ธรรมชาติที่พระองค์นั้นๆได้ผ่านกาลเวลาและที่อยู่มา ว่าก่อนจะมาถึงท่านพระองค์นั้นๆผ่านอะไรมาบ้างท่านต้องตีโจทย์ปัญหานี้ให้ออก เนื้อพระติดเต็ม blockจะเป็นอย่างไร/เนื้อพระติดไม่เต็มจะเป็นอย่างไร เหล่านี้คือโจทย์ปัญาที่ท่านจะต้องหาคำตอบให้ได้ พระใช้แขวนมาตลอดถูกไอเหงื่อเกาะ/เอาพระไปปราดเหงื่อ/พระเก็บรักษาถูกลม/ถูกอากาศ/สภาพแวดล้อม/มีฝุ่นเกาะ/พระลงกรุ/พระถูกทิ้งๆขว้างๆคืออยู่ในที่ไม่สมควร/พระถูกแช่น้ำ/ตากแดดตากลม/อยู่ในบ้านที่ถูกไฟไหม้บ้าน/อยู่บนหิ้งพระ เหล่านี้คือปัจจัยที่ท่านจะต้องศึกษา ถ้าท่านเข้าใจซึ้งยิ่งโอกาสดีเป็นของท่าน
๔.ท่านต้องเข้าใจเสมอว่าพระสมเด็จวัดระฆังนั้นต้องมีนับหมื่นองค์ น่าจะเกินสองสามหมื่นองค์ขึ้นไป เพราะสมมุติว่าการทำพระสมเด็จนั้นทำครั้งละ ๑๕๐ องค์ (จำนวนนี้เป็นไปได้เพราะก่อนทำต้องเตรียมปัจจัยต่างๆก่อนให้ดีและคงปริมาณมากพอ/อีกทั้งต้องมีคนช่วยอย่างน้อนก็ต้องสองคน) เดือนหนึ่งทำสักสามหน ก็จะได้ ประมาณ สี่ร้อยกว่าองค์ ถ้าปีหนึ่งทำสัก สิบเดือน ก็จะได้พระประมาณ สี่พันกว่าองค์ ถ้าท่านทำติดต่อกันทุกปี สมมุติว่า ห้าปี ก็น่ามีพระผลิตออกไป สองหมื่นกว่าองค์แล้ว
๕.พระสมเด็จนั้นอยู่กับใครก็ได้และแหล่งที่จะหาพระสมเด็จได้คือสนามพระ/หรือที่คนวางพระขาย ท่านก็หมั่นไปหา สักวันหนึ่งท่านก็คงจะได้และก็คงเช่ามาได้ในราคาไม่แพง แต่ถ้าท่านเป็นคนรวยท่านก็ไปเช่าจากเซียนพระที่เขารับรองและกล้ารับซื้อคืนเท่าที่เขาให้ท่านเช่าไป ข้อเน้นว่าเซียนพระที่กล้ารับซื้อคืนในราคาที่เขาปล่อยให้ท่านเช่าไปนะ ไม่ใช่เซียนพระที่หัก % เพราะนั้นไม่ใช่เซียนตัวจริง เพียงแต่ได้ชื่อมาครองเฉยๆเพราะเขาก็ยังหวังเงินจากท่านอยู่ดีจึงไม่ใช่เซียนจริง
๖.จำไว้ว่าพระแท้ขายได้ตามใจชอบและเป็นพุทธพาณิชย์ได้ พระเก๊นั้นก็ขายได้ราคาแพงเช่นกันแต่ไม่ใช่พระแท้ พระเก๊เป็นพระแท้เพราะมีเรื่องเล่ามากมายสุดพรรณาจนท่านหลงไปเอง ไม่ใช้สมองไม่มีสติ ข้อสังเกตพระโชว์เท่านั้นมักเป็นพระแท้ แต่ถ้าโทรถามราคามักเป็นพระลังเลหวังขายเอาเงินอาจไม่ใช่พระแท้ ดังนั้นท่านต้องคิดเป็น ของดีๆมีใครอยากให้ท่านง่ายๆ
๗.สุดท้ายการเล่นพระสมเด็จวัดระฆังนั้นห้ามเชื่อใครๆทั้งนั้น เพราะลมปากมนุษย์นั้นย่อมเปลี่ยนแปลงเสมอเหมือนกระแสลม จงเชื่อตนเอง/ศึกษาแบบนักวิทยาศาสตร์และนักประวัติศาสตร์ เพราะท้ายที่สุดแล้วคนที่เขาอยากได้พระสมเด็จแท้นั้นเขาก็ทำแบบเดียวกัน แท้แบบนักประวิติศาสตร์และนักวิทยาศาตร์ เหมือนวิชาที่เราเรียนกันในมหาวิทยาลัย ไม่ใช่แท้แบบเขาเล่าว่า แท้แบบเหมือนเราศึกษาเรื่อง fossil นั้นแหละ
ตัวอย่างพระสมเด็จวัดระฆังที่ผ่านสภาพมาอย่างโชกโชนและแตกหักปะต่อติดมาแล้ว ท่านศึกษาดูเป็นพระเนื้อข้าวสุกและมวลสาร ศึกษาจากองค์นี่แล้วท่านจะเก่งขึ้นอีกมาก
เขียนโดย ม. โชคชัย
----------------------------------------------------------------------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น