สวัสดีครับ ในนามของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ขอขอบคุณ
ประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่าย
และข้าราชการทุกหมู่เหล่าที่ให้ความร่วมมือและสนับสนุนการปฏิบัติงานของ
คสช. เป็นอย่างดี ตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งถือได้ว่าสถานการณ์โดยรวม
มีความเรียบร้อย
สำหรับเหตุผลที่ คสช. เข้ามาบริหารราชการในครั้งนี้
สืบเนื่องมาจากความแตกแยกทางความคิดทางการเมืองของประชาชนที่หยั่งรากลึก
ด้วยเหตุผลหลายประการ ทั้งผิด ทั้งถูก การชุมนุมประท้วงที่ยาวนาน
ตลอดจนเหตุการณ์ความรุนแรง มีการใช้อาวุธสงคราม รวมทั้งมีการทุจริต
ทำผิดกฎหมาย เป็นผลให้ประชาชนทั่วไปไม่มีความสุข และไม่ปลอดภัย
รัฐบาลรักษาการไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายปกติได้
และไม่สามารถบริหารราชการแผ่นดินด้วยอำนาจที่มีอยู่อย่างเพียงพอ
การใช้จ่ายงบประมาณปี 2557 ติดขัด ไม่สามารถดำเนินการได้ด้วยข้อกฎหมาย
ข้อบังคับ ระเบียบคำสั่งต่าง ๆ ที่มีอยู่ การจัดทำงบประมาณปี 2558
มีความล่าช้า ปัญหาเหล่านี้หากปล่อยให้ยืดเยื้อยาวนาน
ย่อมส่งผลกระทบกับระบบเศรษฐกิจของคนไทยโดยรวม และประเทศไทย
ตลอดจนผลประโยชน์ของมิตรประเทศที่มีในประเทศไทย รวมทั้ง พันธสัญญาต่าง ๆ
ที่ไทยได้ทำไว้กับมิตรประเทศต่างๆมาอย่างยาวนาน
การเข้ามาควบคุมสถานการณ์ของ คสช. เป็นการเข้ามาเพื่อยุติความรุนแรง
ปลดล็อคข้อจำกัดเล็กน้อยต่าง ๆ ที่คั่งค้างอยู่ในกระบวนการ
รออนุมัติจากรัฐบาลที่ผ่านมาอีกมากมาย
และเพื่อคืนความสุขให้ประชาชนคนไทยทั้งชาติ
รวมทั้งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเร่งด่วนเฉพาะหน้าเป็นการชั่วคราว
เพื่อให้ประเทศนั้นเดินหน้าต่อไปได้ ประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ชาวต่างชาติ
มีความสุข และมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของทุกคน ทุกประเทศโดยรวม
และที่สำคัญที่สุดคือ
เพื่อให้สถาบันพระมหากษัตริย์ทรงอยู่เหนือความขัดแย้งทั้งปวงตลอดมา
ได้รับการปกป้องจากคนไทยทุกคน
สำหรับงานของ คสช. มีขอบเขตที่สำคัญอยู่ 2 ประการหลัก ๆ คือ
งานส่วนที่ 1 งานด้านการรักษาความสงบเรียบร้อยทั่วราชอาณาจักร
การประกาศใช้กฎอัยการศึก เป็นความจำเป็น ซึ่งเป็นกฎหมายความมั่นคงสูงสุด
ที่ให้อำนาจเจ้าหน้าที่สามารถหยุดความรุนแรงได้ทันที
โดยที่ผ่านมากฎหมายปกติปัจจุบันไม่สามารถยุติความขัดแย้ง ความรุนแรงได้เลย
ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนทุกหมู่เหล่า
ให้ประชาชนได้เรียนรู้และเคารพกฎหมาย เพื่อลดความขัดแย้งต่อไปในอนาคต
โดยยึดหลักกฎหมาย และสิทธิมนุษยชน
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะพยายามใช้อำนาจเท่าที่จำเป็น
ไม่ใช้อำนาจเกินขอบเขต โดยให้ประชาชนเดือดร้อนน้อยที่สุด
ระมัดระวังการละเมิดสิทธิมนุษยชน เมื่อสถานการณ์กลับไปสู่สภาวะปกติ
จะได้กลับไปใช้กฎหมายปกติโดยเร็วที่สุด
• ในส่วนของการประกาศห้ามบุคคลออกนอกเคหะสถาน หรือเคอร์ฟิวนั้น
มีความมุ่งหมายเพื่อให้ คสช. สามารถจัดระเบียบและดูแลความสงบเรียบร้อย
ให้เข้าสู่ภาวะปกติได้โดยเร็ว
อาจมีผลกระทบต่อเสรีภาพในการเดินทางและการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชนอยู่
บ้าง ในระยะแรกอาจต้องเข้มงวด เพื่อแยกแยะผู้ก่อเหตุ
ผู้ใช้ความรุนแรงกับประชาชนโดยทั่วไป สกัดกั้นการขนย้ายอาวุธสงคราม
วัตถุระเบิด และการกระทำผิดกฎหมายอื่นๆ เช่น ยาเสพติด อาชญากรรม
การลักลอบขนส่งสิ่งผิดกฎหมาย รวมทั้งการปราบปรามกลุ่มติดอาวุธ
ที่ได้ก่อเหตุความรุนแรงมาอย่างต่อเนื่อง ในห้วงที่ผ่านมา
และมีแนวโน้มจะขยายตัวมากขึ้นต่อไป
ตามที่มีผลการจับกุมกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงและอาวุธสงคราม สิ่งผิดกฎหมาย
และความผิดอื่น ๆ โดยการปฏิบัติร่วมของเจ้าหน้าที่ พลเรือน
ตำรวจทหารได้เป็นจำนวนมาก ตั้งแต่ 22 พฤษภาคม 2557 เป็นต้นมา
เราตระหนักดีถึงผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนจากการเคอร์ฟิวเช่นกัน
จึงได้มีการประกาศลดระดับการเคอร์ฟิวลงตามสถานการณ์ ซึ่งในห้วงที่ผ่านมา
คสช. ได้ผ่อนคลายมาตรการดังกล่าวไปแล้วในระดับหนึ่ง
โดยมีการปรับลดเวลาจากเดิม 22.00 – 05.00 น. ปัจจุบันเป็นเที่ยงคืน – 04.00
น. ทั้งนี้หากเหตุการณ์เป็นปกติมากยิ่งขึ้น พื้นที่ที่ไม่มีสถานการณ์
หรือความเสี่ยง หรือพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว จะได้พิจารณาปรับลดมาตรการลง
เพื่อให้ธุรกิจการท่องเที่ยวและบริการอื่นๆ มีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น
และจะนำไปสู่การยกเลิกได้ในไม่ช้า หรือโดยเร็วที่สุด
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาระหว่างมีการประกาศห้าม
ได้มีมาตรการบรรเทาผลกระทบโดยการยกเว้นให้แก่ประชาชน
หน่วยงานที่มีความจำเป็น เช่น แพทย์ พยาบาล โรงพยาบาล การส่งผู้ป่วยเจ็บ
การขนส่งเชื้อเพลิง การเดินทางไปต่างประเทศ
การเดินทางของพนักงานที่ทำงานเป็นผลัดในห้วงเวลากลางคืน
โดยการขออนุญาตกับด่านตรวจทหารตำรวจในเส้นทางที่สัญจร
ซึ่งการดำเนินการที่ผ่านมาเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ประชาชนทุกครอบครัวมีความสุข มีความปลอดภัย
ทุกคนได้กลับไปอยู่บ้านพร้อมหน้าพร้อมตากัน
หลังจากที่ประสบกับสถานการณ์เสี่ยงภัยอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ความรุนแรง
และการชุมนุมที่ยาวนานกว้างขวางที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลากว่า 6
เดือนที่ผ่านมา และดำรงชีวิตอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งมาเกือบ 9 ปีเต็ม
สำหรับการเชิญบุคคลมารายงานตัวนั้นมีความจำเป็น
โดยเป็นการเชิญผู้ที่อยู่ในความขัดแย้ง ทั้งโดยตรงและโดยอ้อม เช่น แกนนำ
ผู้สนับสนุน นักวิชาการและอื่นๆ ซึ่งอาจเป็นคู่ขัดแย้งโดยตรง
หรือโดยอ้อมที่อาจเกิดขึ้นได้
รวมทั้งบุคคลบางคนที่อาจมีอิทธิพลในเชิงสัญลักษณ์
ในการระดมมวลชนสร้างความขัดแย้งขึ้นมาอีก
จากการแสดงความคิดเห็นตามกระบวนการประชาธิปไตย
อย่างไรก็ตามหากการแสดงออกดังกล่าว มีผลกระทบต่อความสงบสุขโดยรวม
ก็จะถูกเชิญตัวมาชี้แจง คัดแยก ไปดูแล เพื่อสงบสติอารมณ์
และคิดทบทวนว่าที่ผ่านมาได้ทำอะไรไปบ้าง ซึ่งอาจผิดบ้าง ถูกบ้าง
ตามความเชื่อหรือเหตุผลส่วนตน เพื่อให้เกิดการยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่าง
และคิดได้ว่าเราจะมีส่วนช่วย และร่วมมือกับทุกกลุ่มทุกฝ่าย
เพื่อนำพาประเทศชาติไปข้างหน้าได้อย่างไร ซึ่งตามปกติแล้ว
พ.ร.บ.กฎอัยการศึก มีอำนาจควบคุมตัวได้ 7 วัน
หากมีความผิดก็จะต้องถูกนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป เช่น
ส่งตัวให้เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งฟ้องศาล
บุคคลที่ถูกเชิญตัวมา บางคนอาจถูกควบคุมตัวแล้วแต่กรณี เช่น 1.-2 วัน
3-4 วัน 5-6 วัน อย่างไรก็ตาม หากมีพฤติกรรมที่ส่อไปในทางใช้ความรุนแรง
จะถูกควบคุมนานกว่าคนอื่น แต่ไม่เกิน ๗ วัน โดยจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี
ทั้งในส่วนของความเป็นอยู่หลับนอน อาหารการกิน ไม่มีการบังคับขู่เข็ญ
ซ้อมทรมาน พันธนาการ หรือละเมิดสิทธิมนุษยชน แต่อย่างใด
สำหรับผู้ที่ไม่มารายงานตัวนั้น
ต้องถือว่าไม่ให้ความร่วมมือในการสร้างความปรองดอง
และยังคงมุ่งมั่นที่จะต่อสู้เอาชนะ ฝ่าฝืน กฎอัยการศึก โดยไม่เคารพกติกา
กฎหมายความมั่นคงสูงสุดในปัจจุบัน
ซึ่งจะต้องถูกดำเนินการอย่างเด็ดขาดตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคคลบางกลุ่ม บางฝ่ายที่ยังคงต่อสู้ด้วยความรุนแรง
โดยใช้อาวุธสงคราม หรือวัตถุระเบิด ก็จะต้องถูกปราบปรามอย่างเด็ดขาดเช่นกัน
เราจะต่อสู้กันด้วยการยึดเพียงแนวความคิดของตน
หรือการตีความกฎหมายเพื่อเข้าข้างแต่ละฝ่ายไม่ได้อีกแล้ว
เพราะมีแต่จะก่อให้เกิดความแตกแยกไม่มีที่สิ้นสุด
คนส่วนใหญ่ทั้งประเทศไม่มีความสุข ประเทศขาดเสถียรภาพ
และความน่าเชื่อถือจากต่างประเทศ ดังนั้น
ทุกกลุ่มทุกฝ่ายต้องหันมาร่วมมือกัน เสริมสร้างความรักความสามัคคี
ความปรองดองสมานฉันท์ ยุติการใช้ความรุนแรงต่อกัน
สิ่งใดที่จะเป็นข้อขัดแย้งหรือเห็นต่าง ต้องอยู่ร่วมกันให้ได้ก่อน
และให้นำมาหารือเพื่อหาทางออกให้เป็นที่ยอมรับของทุกกลุ่มทุกฝ่าย
เพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้
และคืนความสงบสุขให้กับประชาชนทุกหมู่เหล่า
การประกาศห้ามชุมนุมทางการเมืองหรือต่อต้าน คสช. เกิน 5 คนนั้น
มีความจำเป็น เนื่องจากช่วงนี้ เป็นระยะเริ่มแรกของการปฏิบัติงาน คสช.
ต้องการให้เกิดความสงบสุขและปลอดภัยอย่างแท้จริงโดยทันที คสช.
ไม่สามารถให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด มาแสดงความขัดแย้ง ต่อต้านได้
เพราะจะเป็นเหตุให้ฝ่ายอื่นๆออกมาต่อสู้กันอีก จนทำให้เหตุการณ์บานปลาย
ขยายตัว ดังนั้น
จึงอยากจะขอร้องให้ประชาชนทุกพวกทุกฝ่ายอย่าได้ออกมาชุมนุมในห้วงนี้
เพื่อจะได้ไม่เกิดการปะทะกัน หรือเกิดเป็นปัญหาเพิ่มเติมขึ้นมาอีก
อย่างไรก็ตาม คสช. มีความจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมาย
ต่อผู้ที่มาชุมนุมทุกพวกทุกฝ่าย ที่ละเมิดการประกาศห้ามดังกล่าว
ด้วยมาตรการที่เหมาะสมในการปฏิบัติของแต่ละดกลุ่มต่อไป
การระงับ ควบคุมสื่อต่างๆ บางสื่อ หรือบางสถานี หรือบางรายการนั้น
ในระยะนี้มีความจำเป็นอย่างมาก เนื่องจากตลอดระยะเวลาประมาณ 9 ปีที่ผ่านมา
รวมทั้งการชุมนุมประท้วงล่าสุด 6 เดือนที่ผ่านมา
ได้มีการใช้สื่อทุกประเภทรวมทั้งสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ มาบิดเบือน
ปลุกระดม ปลุกปั่น ต่อสู้ และสร้างความเกลียดชังต่อกันมาอย่างต่อเนื่อง
มีทั้งถูก และผิด เจตนาดีต่อบ้านเมืองก็มี
ทำให้เกิดความรุนแรงขึ้นมาตามลำดับ
มีการข่มขู่ใช้ความรุนแรงต่อฝ่ายตรงข้าม
และมีการสร้างความเข้าใจผิดต่อผู้ที่เห็นต่าง หรือประชาชนที่อยู่ตรงกลาง
จนทำให้เกิดความสับสนต่อความเข้าใจของประชาชนตลอดเวลา
โดยฝ่ายหนึ่งมองเห็นความไม่ชอบธรรมซึ่งมีหลายเรื่องที่อยู่ในกระบวนการ
ยุติธรรมแล้ว หรือกำลังดำเนินการอยู่ ในขณะที่อีกฝ่ายโต้แย้งด้วยข้อกฎหมาย
อำนาจรัฐ และด้วยความเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ
ทำให้ไม่สามารถยุติปัญหาลงได้ด้วยวิถีทางของประชาธิปไตย
นอกจากนั้นยังมีการเผยแพร่ความคิดเห็นของนักวิชาการ
และผู้ที่ไม่ได้มีหน้าที่เกี่ยวข้องโดยตรงมีข้อมูลไม่ครบถ้วน
ทำให้เกิดความสับสนในสังคม ทำให้การแก้ไขปัญหายุ่งยากขึ้นไปอีก
จึงจำเป็นต้องมีการระงับสื่อดังกล่าวเป็นการชั่วคราว อย่างไรก็ดี
คสช.ไม่มีนโยบายปิดกั้นสื่อสังคมออนไลน์ทุกประเภทแต่อย่างใด
การปรับย้ายข้าราชการของทุกกระทรวง ทบวง กรม
เป็นเรื่องภายในของทุกหน่วยงาน โดยมีเหตุผลความจำเป็นในการดำเนินการ
เพื่อลดความขัดแย้งที่มีมาแต่เดิม
ส่วนประเด็นที่กล่าวหาว่าเป็นการโยกย้ายอีกฝ่าย หรือเป็นการรังแกข้าราชการ
หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ ทั้งนี้ในข้อเท็จจริง
สืบเนื่องจากว่าได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการแก้ปัญหาในอดีตกับกระบวนการใช้
อำนาจรัฐในทุกพื้นที่ หรือมีอำนาจในการบริหารองค์กร
รวมทั้งเป็นข้าราชการที่สามารถทำหน้าที่ให้กับรัฐ
ซึ่งไม่สามารถทำให้รัฐบาลแก้ไขปัญหา หรือลดความขัดแย้งภายในองค์กร
หรือระหว่างส่วนราชการกับประชาชนในพื้นที่ได้
จึงมีความจำเป็นต้องปรับเพื่อความเหมาะสมในการปฏิบัติงาน
ซึ่งเป็นนโยบายให้ส่วนราชการ โดยปลัดกระทรวง
และสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นผู้ดำเนินการ ในกรอบอำนาจของตนเอง
สำหรับในส่วนที่มีการปรับย้ายข้ามกระทรวงหรือสังกัดหน่วยงานอื่นที่อยู่ใน
อำนาจของ นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี ก็จำเป็นต้องใช้อำนาจของ หัวหน้า คสช.
ในการอนุมัติและลงนาม ทั้งนี้เพื่อเป็นการสร้างความไว้วางใจ
กับประชาชนและสังคมให้เกิดการยอมรับ
มิได้ถือเป็นความผิดส่วนบุคคลแต่ประการใด
ยังเคารพเกียรติยศของความเป็นข้าราชการในทุกองค์กรอยู่เสมอ
งานส่วนที่ 2 การขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดิน ให้ได้โดยเร็วที่สุด
หลังจากที่การบริหารราชการแผ่นดิน สะดุดหยุดอยู่กับที่มาหลายเดือน
จนงบประมาณ ปี 2557 ต้องหยุดชะงักบางรายการ ไม่สามารถเบิกจ่าย
หรือดำเนินการได้ ประชาชน/ส่วนราชการ เดือดร้อนจากปัญหาดังกล่าว
จำเป็นต้องปลดล็อค หาทางออกด้วยรัฐบาลที่มีอำนาจเต็ม
จากนั้นจะต้องดำเนินการในเรื่องการจัดทำงบประมาณปี 2558
ให้ได้ทันกำหนดเวลา ซึ่งวาระการจัดทำงบประมาณใกล้จะสิ้นสุด
ทั้งนี้เพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้ในปีงบฯ 2558
และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจะได้ทันต่อการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่กำลัง
จะมาถึงในปลายปีหน้านี้
หลักการสำคัญของ คสช. ในการบริหารราชการในสถานการณ์ไม่ปกติในปัจจุบัน คือ
การใช้ระเบียบบริหารงานปกติของทุกส่วนราชการให้มากที่สุด
เว้นในเรื่องที่เป็นปัญหาติดค้าง หรือปัญหาเร่งด่วน ทั้งนี้ คสช.
มิได้ไปสั่งการส่วนราชการให้ปฏิบัติ
หรือไม่ต้องปฏิบัติในสิ่งที่ผิดกฎหมายหรือผิดระเบียบ
เพื่อผลประโยชน์ใครแต่ประการใด หรือ คสช.ตกลงใจเองโดยพลการ
เพียงแต่จัดคณะทำงานประสานงาน หรือฝ่ายต่าง ๆ ร่วมกับข้าราชการประจำ
จากแต่ละกระทรวง ไปร่วมกันขับเคลื่อนงานให้มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว โปร่งใส
ได้รับความพึงพอใจและไว้วางใจจากประชาชน• การใช้จ่ายงบประมาณ ที่เกรงว่า
คสช.จะมาใช้จ่ายงบประมาณอย่างไม่จำกัดนั้น ขอเรียนว่า เป็นไปไม่ได้
เพราะทุกอย่างต้องอยู่ในระเบียบวินัย การเงิน การคลัง ของทุกกระทรวง ทบวง
กรม รวมทั้งมีการหารือ สอบถาม กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องด้านกฎหมาย
สามารถตรวจสอบได้ตลอดเวลา เพื่อให้เกิดความรอบคอบก่อนการดำเนินการ
การใช้จ่ายงบประมาณ จะไม่ใช้จ่ายจนเกินกำลัง
จนเสียวินัยการเงินการคลังของประเทศ และไม่เกินยอดหนี้สาธารณะ
ซึ่งกำลังตรวจสอบตัวเลขที่แท้จริงในปัจจุบัน
ในยอดงบประมาณที่ใช้ไปแล้วและยังไม่ได้ใช้ ซึ่งจะมีผลผูกพันต่าง ๆอีกมากมาย
เพื่อยกระดับความน่าเชื่อถือในด้านการเงินการคลังของประเทศในสายตาของต่าง
ประเทศ และสร้างความมั่นใจให้นักลงทุน ต่างประเทศที่จับตามองสถานะเศรษฐกิจ
การเงิน ขีดความสามารถของประเทศไทยอยู่ในขณะนี้
ว่าจะมาร่วมลงทุนอีกหรือไม่
ทั้งนี้โชคดีที่ไทยมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจดีอยู่แล้ว
หากมีการขับเคลื่อนที่ดีต่อไป น่าจะไม่น้อยหน้าใครในภูมิภาคอาเซียน
และของโลกในอนาคต
การใช้จ่ายงบประมาณปี 2557 จะเริ่มจาก
แผนงาน/โครงการที่ค้างคาอยู่อย่างเร่งด่วนซึ่งมีผลต่อประชาชน
และเศรษฐกิจโดยรวม โดยเฉพาะความต้องการพื้นฐานของประชาชน
เงินหมุนเวียนในระบบ
ซึ่งได้เริ่มดำเนินการจากการจ่ายเงินจำนำข้าวที่ติดค้างอยู่ประมาณ 92,000
ล้านบาท ขณะนี้ได้เริ่มทยอยจ่ายไปแล้วเป็นบางส่วน
แผนงาน/โครงการที่ได้อนุมัติไว้แล้ว แต่ไม่สามารถดำเนินการได้
เนื่องจากติดขัดปัญหาระเบียบกฎหมาย ในรัฐบาลที่ผ่านมา โดยจะเร่งตรวจสอบ
จัดลำดับความเร่งด่วนและดำเนินการให้เร็วที่สุด
โดยเฉพาะงบประมาณที่จะทำให้เกิดผลต่อ เงินหมุนเวียนในระบบ
งบบรรเทาภัยพิบัติ การซ่อมแซมสาธารณูปโภค
ปัญหาความเดือดร้อนเร่งด่วนเฉพาะหน้า เป็นต้น
โดยมิได้เป็นการใช้งบประมาณจำนวนมากในโครงการขนาดใหญ่แต่อย่างใด
โครงการขนาดใหญ่ เช่น โครงการมูลค่า 2 ล้านล้าน 3.5 แสนล้าน
จะนำมาพิจารณาดูอย่างรอบคอบว่าโครงการใดที่เป็นประโยชน์
สามารถนำไปสู่การปฏิบัติโดยเฉพาะเรื่อง แยกพิจารณา
แยกดำเนินการใหม่ทั้งหมด เพื่อให้เริ่มต้นได้อย่างโปร่งใส เช่น
รถไฟรางคู่ รถไฟฟ้า สาธารณูปโภคอื่น ๆที่จำเป็นต้องดำเนินการก่อน
โดยจะหาวิธีการเริ่มต้นโดยใช้งบประมาณประจำปี หรือ ใช้การลงทุนโดยภาคเอกชน
ฯลฯ เพื่อเป็นการลดภาระการใช้จ่ายจากการกู้เงินจำนวนมาก
อันจะเป็นภาระผูกพันในระยะยาว แต่ต้องโปร่งใส มีประสิทธิภาพ
ไม่ทำทั้งหมด ทุกแผนงานโครงการจะต้องเริ่มต้นด้วยการบูรณาการ เกิดประโยชน์
เกื้อกูลซึ่งกันและกัน โครงการต่อโครงการ กระทรวง ต่อกระทรวง
ในงบประเภทเดียวกัน เกิดประโยชน์ต่อประชาชนโดยรวม
จะไม่ได้ทำแผนงานโครงการตามฐานเสียง หรือเหตุผลทางการเมือง
ทำให้ประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรมทั่วถึง
เช่นในอดีตที่เป็นมาอย่างต่อเนื่องยาวนานซึ่งคงนำไปหารือในการจัดทำงบประมาณ
ปี 2558 และน่าจะอยู่ในการพิจารณาดำเนินการของรัฐบาล คณะรัฐมนตรี
ที่จะจัดตั้งขึ้นโดยเร็วที่สุด ได้ทันก่อนการเริ่มต้นปีงบประมาณ 2558
คือ 1 ตุลาคม 2557 เป็นต้นไป
การจัดทำ และการดำเนินการด้านงบประมาณทุกแผนงาน/โครงการ จะใช้การดำเนินการให้ใกล้เคียงกับ
การมีรัฐบาลปกติที่สำคัญเน้นให้สามารถรับการตรวจสอบได้ในเรื่องการใช้จ่ายงบ
ประมาณจากหน่วยรับผิดชอบในการตรวจสอบได้ตามกฎหมาย
เพื่อให้เกิดความโปร่งใสเป็นธรรมและมีการใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ
ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน การขุดลอกคู คลอง การสร้างถนน
เส้นทางเชื่อมต่ออาเซียน หรือซ่อมแซมให้ใช้งานได้ดีขึ้น
จะต้องรีบดำเนินการโดยทันที แต่ต้องไม่เป็นภาระกับรัฐบาลใหม่
และเป็นปัญหาอื่น ๆ ในอนาคตอีก
เน้นการใช้จ่ายงบประมาณด้วยการบูรณาการหน่วยงานและงบประมาณของหน่วยที่รับ
ผิดชอบ ต้องร่วมมือกัน
สำหรับราคาพืชผลทางการเกษตร อื่น ๆ อีกหลายอย่างที่มีปัญหา
ก็กำลังหามาตรการดูแลให้เกิดความยั่งยืน ว่าจะทำได้อย่างไรในปีงบประมาณ
2558 โดยไม่ให้นำไปสู่โครงการประชานิยม
ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาตามมาอีกมากมายในอนาคต
โดยให้แนวทางไปพิจารณาในเรื่องการลดต้นทุนการผลิต สนับสนุนปัจจัยการผลิต
เช่น ปุ๋ย เมล็ดพันธุ์ การพัฒนาพันธุ์ ส่งเสริมตลาดรวมการเกษตรทุกพื้นที่
พัฒนาให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นจากเดิม โดยใช้พื้นที่น้อยลง
เพิ่มการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ลดปริมาณการใช้ปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลง
และหาวิธีใช้ประโยชน์จากวัตถุดิบภายในประเทศ
เพื่อเพิ่มมูลค่าจากวัตถุดิบให้สูงขึ้น
ราคาสินค้าก็ต้องให้เป็นไปตามกลไกตลาดการค้าเสรี
มุ่งเน้นเพิ่มมูลค่าสินค้าทางการเกษตรให้สูงขึ้น แข่งขันกับประเทศอื่นๆ
ได้อย่างรวดเร็ว
ปัจจุบัน คสช.ได้เร่งรัดให้มีการจ่ายหนี้ให้กับชาวนาเร่งด่วน
อีกประการหนึ่งคือ จากการที่ ธกส.
มีการติดค้างการจ่ายเงินกับชาวนามาเป็นเวลานาน ทำให้ชาวนาเสียโอกาส
คสช.กำลังพิจารณาว่าจะให้ความช่วยเหลืออย่างไร
ซึ่งจะพิจารณาในรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
สำหรับการส่งเสริมการค้าเสรีอย่างเป็นธรรม การลดการผูกขาด
จัดตั้งตลาดกลาง การควบคุมราคาสินค้าสำหรับอุปโภค บริโภค
การลด-เพิ่มภาษีต่าง ๆ กำลังอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาดำเนินการ
รวมทั้งให้มีการกำหนดพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ
ส่งเสริมโรงงานขนาดเล็กตามแนวชายแดนและชนบท หรือช่องทางผ่านแดนที่สำคัญ
เพื่อให้แรงงานผิดกฎหมายไม่เข้ามาหางานในพื้นที่ตอนใน
ลดความแออัดของพี่น้องประชาชนคนไทยที่ต้องเข้ามาหางานในเมืองใหญ่ให้มากที่
สุด
ในส่วนของด้านพลังงาน
อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะมีมาตรการดูแลปรับปรุงได้อย่างไรบ้าง
แต่ทุกอย่างต้องอยู่ในกติกา วินัยการเงินการคลัง กฎเกณฑ์
กติกาของตลาดหลักทรัพย์ บริษัทมหาชน
รวมทั้งการพิจารณาจัดตั้งกองทุนในภาคเอกชนเพิ่มมากขึ้น
ตลอดจนหาวิธีดำเนินการจัดตั้งกองทุนประเทศขนาดใหญ่ เพื่อลดการลงทุนของรัฐ
ในส่วนของรัฐวิสาหกิจ กำลังพิจารณาทบทวน ปรับปรุงให้ดีขึ้นให้ทันสมัย
เร่งพิจารณาถึงการพัฒนาความมั่นคงด้านพลังงานของไทยรวมทั้งเร่งพัฒนาใน
เรื่องพลังงานทดแทน ทั้งจากลม แสงแดด และพืชพลังงานอื่นๆให้เหมาะสมโดยเร็ว
คณะกรรมการรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ (บอร์ด)
มีความจำเป็นจะต้องปรับให้อยู่ในระเบียบ มีมาตรฐาน
มีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ มาบริหารงานให้มีความโปร่งใส
มีการตรวจสอบและมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี
กล่าวโดยสรุปคือ ประเทศ และประชาชนชาวไทย
ยังมีปัญหาอีกมากมายที่จำเป็นต้องได้รับการแก้ไข และจัดระเบียบ
ซึ่งจำเป็นต้องดำเนินการแก้ไขให้ได้โดยเร็ว
ที่ผ่านมาเวลาในการแก้ไขปัญหาของประเทศชาติได้สูญเปล่าไปกับความขัดแย้งของ
คนภายในชาติไปมากพอแล้ว เราจำเป็นต้องเดินหน้าต่อไป
เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ
สำหรับ Road Map ของ คสช.
ระยะที่ 1 ช่วงแรกของการควบคุมอำนาจการปกครองประเทศ
จะดำเนินการในเรื่องการปรองดองสมานฉันท์ ให้เร็วที่สุด ในกรอบเวลา 2-3
เดือน นอกจากงานความมั่นคงและขับเคลื่อนได้
เริ่มจัดตั้งศูนย์การปรองดองสมานฉันท์ เพื่อการปฏิรูปทั้งในส่วนกลาง และ
ในระดับพื้นที่ เพื่อนำไปสู่การปฏิรูปในระยะที่ 2 ทั้งนี้
ทุกพื้นที่ต้องเริ่มจากครอบครัว หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด คสช.
ได้มอบหมายให้ กอ.รมน. ดำเนินการโดยเริ่มรวมกลุ่มจากเล็ก มาใหญ่
เพื่อให้ผู้เห็นต่างได้พบปะพูดคุยกันแต่เนิ่นและมิให้เป็นปัญหาต่อไปในระยะ
ที่ 2
รวมทั้งจัดตั้งคณะทำงานเตรียมการปฏิรูปเพื่อเตรียมการสู่การปฏิบัติให้พร้อม
ในระยะที่ 2 โดยปราศจากความขัดแย้งตั้งแต่บัดนี้
ซึ่งมิได้มีการดำเนินการในเรื่องการปรับโครงสร้างของส่วนราชการใด ๆ
หรือเรียกผลประโยชน์ค่าตอบแทน หรือ การนิรโทษกรรมใดๆทั้งสิ้น
ระยะที่ 2 การใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราว
ซึ่งกำลังดำเนินการจัดทำอยู่โดยฝ่ายกฎหมาย จะมีการจัดตั้งสภานิติบัญญัติ
สรรหา นายกรัฐมนตรี ตั้งคณะรัฐมนตรี เพื่อบริหารราชการ
ร่าง/จัดทำรัฐธรรมนูญ
พร้อมกับการตั้งสภาปฏิรูปเพื่อปฏิรูปแก้ไขในทุกเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องการ
และเป็นที่ยอมรับ โดยน่าจะใช้เวลาประมาณ 1 ปี
มากหรือน้อยกว่านั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์ หากสถานการณ์เรียบร้อยเป็นปกติ
ปฏิรูปสำเร็จ ปรองดอง สมานฉันท์กันทุกฝ่าย ประชาชนมีความรักความสามัคคีกัน
ก็จะเริ่มดำเนินการก้าวเข้าสู่ระยะที่ 3
ระยะที่ 3 การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์
ที่ทุกคนทุกพวกทุกฝ่ายพอใจ กฎหมายทันสมัยในทุกด้าน รวมทั้งกฎระเบียบ
กติกาต่าง ๆ ได้รับการแก้ไข เพื่อให้ได้คนดี สุจริต มีคุณธรรม
มาปกครองบ้านเมืองด้วยหลักธรรมาภิบาล
สิ่งต่าง ๆ
ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นจะไม่สำเร็จโดยเร็วอย่างที่ทุกคนต้องการได้เลย
หากยังไม่มีความสงบเกิดขึ้น
การประท้วงด้วยความไม่เข้าใจในระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
และไม่เข้าใจในเหตุผลการควบคุมอำนาจในครั้งนี้
ว่าทำเพื่อประเทศไทยและคนไทยทุกคน
รวมทั้งส่งผลดีต่อการพัฒนาความสัมพันธ์และเพิ่มผลประโยชน์ของไทยและมิตร
ประเทศได้ในอนาคตอันใกล้
ผมคิดว่าคนไทยทุกคนเหมือนผม ไม่มีความสุข มาประมาณ 9 ปีแล้ว
ขณะนี้ทุกคนอยู่ในความสุขสงบมาก ตั้งแต่ 20 และ 22 พฤษภาคม 2557
เป็นต้นมา คสช.ไม่ต้องการก้าวเข้าสู่อำนาจ
ไม่ต้องการใช้อำนาจเพื่อผลประโยชน์ใดๆ เลย
แต่ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปไม่ได้ ถ้าทหารและข้าราชการทุกคนไม่ทำอะไรเลย
ใครจะมาดูแลท่าน ใครจะแก้ปัญหาให้ท่าน
ในเมื่อประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์เดินหน้าต่อไปไม่ได้ ด้วยความขัดแย้ง
เจ้าหน้าที่ถูกตำหนิ ประชาชนเกิดความไม่ไว้วางใจ
การบังคับใช้กฎหมายปกติทำไม่ได้
ทั้งนี้ขอให้เชื่อมั่นในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนให้ความร่วม
มือ ทั้งข้าราชการ พลเรือน ตำรวจ ทหาร และให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
ประเทศชาติต้องมาก่อนเสมอ
คสช. เข้าใจความรู้สึกของชาวต่างประเทศ
เราเข้าใจดีถึงกฎเกณฑ์ของสังคมโลกในปัจจุบัน เป็นโลกของประชาธิปไตย
แต่ขอให้เวลาเราในการปรับเปลี่ยนทัศนคติ ค่านิยม และอะไรอีกหลายอย่าง
เพื่อแก้ประชาธิปไตยของไทย ให้เป็นสากล ถูกต้อง ชอบธรรม รับผิดชอบ เสียสละ
นึกถึงประโยชน์ของประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่าย ทุกพื้นที่
ทั้งประชาชนเสียงข้างมากข้างน้อย ต้องได้รับความพึงพอใจอย่างทั่วถึงกัน
หากทุกคนร่วมมือกัน จะนำพาประเทศก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงปลอดภัยยั่งยืน
ทุกอย่างก็จะผ่อนคลายไปตามลำดับ เราเข้าใจว่า
ทุกคนคงต้องเลือกประเทศชาติก่อนประชาธิปไตย
ที่จะต้องมีการแก้ไขปรับปรุงนั้นจะประมาณระยะเวลาทีไม่นานนัก
มีเรื่องอื่นๆ อีกมากมายที่พวกเราต้องช่วยกันทำ
ซึ่งคงไม่สำเร็จหากยังมีการประท้วงหรือไม่ร่วมมืออยู่
ขอเวลาให้เราได้แก้ไขปัญหาให้ท่านโดยเร็ว จากนั้น
ทหารก็จะกลับไปทำภารกิจของเราต่อไป และจะคอยเฝ้ามองประเทศชาติ
และประชาชนชาวไทยก้าวต่อไปข้างหน้าสู่อนาคต ด้วยความสุขแบบยั่งยืน
ตามแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
อันเป็นที่เป็นรักยิ่งของชาวไทยทุกคน สวัสดีครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น