หากเป็นสมัยก่อน ยามที่เกิดเรื่องร้าย ๆ แรง ๆ ใหญ่ ๆ ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศบิ๊ก ๆ แล้วสื่อไทยนำเสนอกันทั่วไป บางคนอาจนึกว่าเป็นเรื่องไกลตัวคนไทย แต่ยุคหลัง ๆ ก็เริ่มเห็นภาพกันชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ แล้วว่าที่ไกลนั้นอาจจะใกล้ โดยเฉพาะถ้าเป็นเรื่องทางเศรษฐกิจ และกับการที่ประเทศไทยประสบภัย ’น้ำท่วมใหญ่“ ในปีนี้ การที่สื่อต่างประเทศ ประเทศต่าง ๆ ให้ความสนใจนำเสนอ ให้ความสำคัญ ก็ทำนองเดียวกัน
น้ำท่วมไทยเสียหายมาก ๆ ยุคนี้ใช่แค่เรื่องของไทย
อาจเป็นเรื่องใหญ่ส่งผลไปหลาย ๆ ประเทศก็ได้??
ทั้งนี้ การที่ไทยเผชิญวิกฤติน้ำท่วมใหญ่ แล้วอาจส่งผลต่อประเทศอื่นด้วยนั้น เรื่องนี้มีข้อมูลในเว็บไซต์ http://www.siamintelligence.com/thai-flood-affect-world-econom/ แจกแจงไว้น่าสนใจ ภายใต้ชุดข้อมูล “ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจการเมืองโลกหลังวิกฤติน้ำท่วมประเทศไทย” ซึ่งบางช่วงบางตอน-โดยสังเขปคือ...
ในทางปฏิบัติแล้ว ประเทศไทยมีความสำคัญไม่น้อยใน ’ระบบระหว่างประเทศ“ สถานะของประเทศไทยในระบบเศรษฐกิจโลกนั้น ภายใต้กระบวนการโลกาภิวัตน์ในปัจจุบัน ถึงแม้ศูนย์กลางของระบบระหว่างประเทศจะอยู่ที่สหรัฐอเมริกา และมีตัวแปรอื่น ๆ เช่น จีน ญี่ปุ่น ยุโรป รัสเซีย เป็นปัจจัยเสริมที่สำคัญ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า หากมองในแง่เศรษฐกิจแล้วประเทศไทยก็มีความสำคัญมากในเวทีโลก เพราะประเทศไทยมีฐานะเป็นทั้งฐานอุตสาหกรรม, ฐานเกษตร กรรม, ฐานการค้า แถมยังเป็นประเทศที่ถือเงินทุนสำรองสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก และตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่เป็นศูนย์กลาง เป็นทางผ่านสำคัญของภูมิภาค ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย จึงย่อมส่งผลสะเทือนต่อเศรษฐกิจโลกเป็นวงกว้างตามมาด้วย
ข้อมูลชุดนี้ชี้ให้เห็นไว้อีกว่า... ประเทศไทยถือเป็นชาติการค้าที่สำคัญของโลก เป็นฟันเฟืองที่แม้จะไม่ใหญ่ในระบบเศรษฐกิจโลก แต่กลับเป็นชิ้นส่วนที่ขาดไม่ได้ และใช่ว่าจะทดแทนได้ง่ายด้วย ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตสำคัญของประเทศญี่ปุ่นในอุตสาหกรรมรถยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นแหล่งผลิตฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟป้อนตลาดกว่า 60% ของทั้งโลก ทำให้ไทยมีความสำคัญด้านอุตสาห กรรมฮาร์ดแวร์มาก ซึ่ง ผลจากการที่น้ำท่วมนิคมอุตสาหกรรมในไทย อุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ก็เริ่มได้รับผลกระทบแล้ว
การที่ประเทศไทย ญี่ปุ่น รวมถึงประเทศในภูมิภาคอาเซียน และเอเชีย เชื่อมต่อกันผ่านการค้าและการผลิต ผลกระทบจากอุตสาหกรรมญี่ปุ่นในไทยต้องหยุดสายการผลิต ย่อมค่อย ๆ กระเพื่อมไปทั่วทั้งระบบซัพพลายเชนในภูมิภาค เฉกเช่นเดียวกับก้อนหินที่ถูกโยนลงน้ำ และต้องจับตาค่าเงินบาทอ่อนกระทบทั้งเอเชีย
ประเทศญี่ปุ่นยังอยู่ในช่วงฟื้นฟู หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวใหญ่-สึนามิ-วิกฤติการณ์นิวเคลียร์ ซึ่งลากญี่ปุ่นสู่ภาวะตกต่ำทางเศรษฐกิจ ส่งผลสะเทือนต่อตลาดอัตราแลกเปลี่ยนและราคาสินทรัพย์จำนวนมากจากการที่เงินเยนแข็งค่าอย่างรวดเร็ว หากสถานการณ์น้ำท่วมในประเทศไทยยืดเยื้อมาก ก็ย่อมสร้างความเสียหายโดยตรงทั้งต่อไทย และญี่ปุ่น ค่าเงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าลง จากการที่ประเทศไทยต้องระดมทรัพยากรเพื่อฟื้นฟูประเทศ ทั้งจากการนำเข้าวัสดุอุปกรณ์จำนวนมาก การเร่งการส่งออก หรือการเทขายเงินดอลลาร์ในทุนสำรองเพื่อใช้เงินซ่อมประเทศก็มีความเป็นไปได้ ถ้าหากเหตุการณ์นี้นำไปสู่การลดค่าเงินระดับที่สูงมาก และเกิดขึ้นพร้อมกับการที่ญี่ปุ่นตัดสินใจเริ่มขนเงินที่มีอยู่ทั่วโลกกลับไปฟื้นฟูความเสียหายของประเทศ ก็ย่อมจะส่งผลสะเทือนมากต่อตลาดการเงินโลก และการลดค่าเงินของไทยอาจจุดชนวนให้ประเทศอื่น ๆ ในเอเชียมีการปรับนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนขนานใหญ่ เพื่อรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคการส่งออกเอาไว้
และ ’สงครามค่าเงินระหว่างประเทศ“ ก็จะคุกรุ่นอีก
ทั้งนี้และทั้งนั้น ที่มีโอกาสเป็นไปได้มากก็คือ ความปั่นป่วนและความเสี่ยงในภาคเกษตร ซึ่งไทยเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวอันดับ 1 ของโลก คิดเป็น 30% ของตลาดโลก ความเสียหายของผลผลิตข้าวในประเทศ และการเดินหน้าโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล จะเป็นแรงกดดันให้ราคาข้าวสูงขึ้น ซึ่งนั่นย่อมกระทบชีวิตคนมากกว่า 2,000 ล้านคนทั่วเอเชียและประเทศยากจนอื่น ๆ โดยในชุดข้อมูลได้มีการยกตัวอย่างการเกิด “จลาจลอาหาร” อันเนื่องมาจากสินค้าภาคเกษตร โดยเฉพาะกลุ่มข้าว ซึ่งด้วยพื้นที่จำกัดจึงไม่อาจจะแจกแจงได้หมด
อย่างไรก็ตาม โดยสรุปก็คือ เหตุการณ์น้ำท่วมในประเทศไทยย่อมซ้ำเติมสถานการณ์อาหารโลกอย่างเลี่ยงไม่ได้ และข้าวนั้นมีจำนวนผู้บริโภคสูงมาก เป็นอาหารหลักของคนจนทั่วโลก การเกิดภาวะขาดแคลนข้าวและราคาข้าวสูงขึ้น ย่อมทำให้รัฐบาลทั่วโลกต้องกักตุนสินค้า และเป็นเชื้อไฟอย่างดีที่จะดึงดูดนักเก็งกำไรในตลาดโภคภัณฑ์ให้โจมตีตลาดสินค้าเกษตร ซ้ำเติมสถานการณ์ให้เลวร้ายลงอีก และถ้า ’วิกฤติอาหาร“ จากไทยทำให้เกิดวิกฤติอาหารในประเทศอาหรับที่ผลิตน้ำมัน ก็จะลามไปสู่การเกิด “วิกฤติพลังงาน” ได้ด้วย
นี่ก็เป็นโดยสังเขป...น้ำท่วมใหญ่ในไทยมิใช่เรื่องเล็ก ๆ
เรื่องใหญ่ของคนไทยเรื่องนี้...อาจสะท้านทั้งโลก?!?!?.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น