วันอาทิตย์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2556

“อ่านแผ่นดิน” จากอินเดียน

ในห้วงเวลาที่กระแสหน้ากากขาว-หน้ากากแดงเขย่ากันแรงอยู่ในโซเชียลเน็ตเวิร์คบ้านเรา
2 มิถุนายนวันนี้ “คนขาว” ได้เคยมอบความเสมอภาคแก่ “คนแดง” ผ่านสภาคองเกรสรับรองสิทธิ์ความเป็นพลเมืองสหรัฐมาแล้ว
“คนผิวขาว” ทิ้งเวลาสร้างสิ่งชอบธรรมนี้ไป 99 ปีเต็ม นับจากการตอบรับชะตากรรมที่หัวหน้าเผ่าอินเดียน “ผิวแดง” ซีแอตเติลกล่าวตอบเป็นวาทกรรมประวัติศาสตร์ไว้ ถ้อยคำนั้นกลายเป็นดวงดาวแห่งความหวังของ “นักสู้ผู้สิ้นทางรอด” เป็นคำปลอบประโลมคนยากไร้…ที่สำคัญมันคือสรรพเสียงแห่งความรักที่มีต่อแผ่น ดินอย่างลึกซึ้ง ซึ่งอ้อนวอนให้ “ผู้ชนะ” กระทำต่อแผ่นดินที่ล่ามาได้แบบลูกปฏิบัติต่อแม่
สุนทรพจน์นี้อ่านแล้วรักประเทศหวงแผ่นดิน เป็นฉบับภาษาไทยที่แปลโดย “พิสิษฐ์ ณ พัทลุง “…ขออนุญาตนำเสนอเพื่อเปิดความคิดตีบตันของคนหลายๆ คนที่ “อ่านแผ่นดิน” ไม่ออก…โปรดอ่าน
ในปี พ.ศ.2397 ที่ซีแอตเติล หัวหน้าเผ่าอินเดียนแดงในรัฐวอชิงตัน ได้กล่าวสุนทรพจน์เป็นการตอบข้อเรียกร้องจากประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่ขอซื้อดินแดนจากเผ่าอินเดียนแดง สุนทรพจน์นี้มีความหมายลึกซึ้งและคมคายมาก จนได้รับการยกย่องว่า “เป็นการบรรยายความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อมที่ประทับใจที่สุด เท่าที่เคยปรากฎ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน” ขณะปัจจุบัน เอกสารฉบับนี้ได้รับการเก็บรักษาเอาไว้ในกรุงวอชิงตัน
• แผ่นดินคือมารดา
หัวหน้าเผ่าซีแอตเติลกล่าวไว้ว่า…หัวหน้า ผู้ยิ่งใหญ่แห่งวอชิงตันได้แจ้งมาว่า เขาต้องการที่จะซื้อดินแดนของพวกเรา ท่านหัวหน้าผู้ยิ่งใหญ่ยังได้กล่าวแสดงความเป็นมิตรและความมีน้ำใจต่อเราอีก ด้วย นับเป็นความกรุณาอย่างยิ่ง เพราะเรารู้ดีว่า มิตรภาพจากเรานั้น ไม่ใช่สิ่งจำเป็นอะไรสำหรับเขาเลย แต่เราพิจารณาข้อเสนอของท่านเพราะเรารู้ว่า ถ้าเราไม่ขาย พวกคนขาวก็อาจจะขนปืนมายึดดินแดนของพวกเราอยู่ดี
แต่ท้องฟ้าและความอบอุ่นของแผ่นดินนั้น เขาซื้อขายกันได้อย่างไร ความคิดเช่นนี้เป็นสิ่งที่แปลกประหลาดสำหรับพวกเรา หากความสดชื่นของอากาศและความใสสะอาดของธารน้ำนั้นมิได้เป็นทรัพย์สมบัติ ส่วนตัวของเราแล้ว ท่านจะซื้อสิ่งเหล่านี้ไปจากเราได้อย่างไร
ทุกส่วนของแผ่นดินนี้ถือว่าศักดิ์สิทธิ์ ต่อชนเผ่าของเรา ใบสนทุกใบ หาดทรายทุกแห่ง ป่าไม้ ทุ่งโล่ง และแมลงเล็กๆ ทุกตัว คือความทรงจำ คือประสบการณ์อันศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์เรา อดีตของชาวอินเดียนแดงนั้น ไหลซึมวนเวียนอยู่ในยางไม้ทั่วทั้งป่านี้
วิญญาณของคนขาวนั้นไม่มีความผูกพันกับถิ่น กำเนิดของเขา แต่วิญญาณของพวกเราไม่มีวันรู้ลืมแผ่นดินอันแสนงดงาม และเปรียบเสมือนเป็นแม่ของชาวอินเดียนแดง เราเป็นส่วนหนึ่งของแผ่นดิน และแผ่นดินก็เป็นส่วนหนึ่งของเราเช่นกัน กลิ่นหอมของดอกไม้นั้น เปรียบเสมือนพี่สาวน้องสาวของเรา สัตว์ต่างๆ เช่น กวาง นกอินทรี คือพี่น้องของเรา ขุนเขาและความชุ่มชื้นของทุ่งหญ้า และไออุ่นจากม้าที่เราเลี้ยงไว้ ก็คือส่วนหนึ่งของครอบครัวเราเช่นกัน ดังนั้น การที่หัวหน้าผู้ยิ่งใหญ่แห่งวอชิงตันขอซื้อดินแดนของเรา จึงเป็นข้อเรียกร้องที่ใหญ่หลวงนัก
• นักล่าผู้กอบโกย
หัวหน้าผู้ยิ่งใหญ่แจ้งมาว่า เขาจะจัดที่อยู่ใหม่ให้พวกเราอยู่ตามลำพังอย่างสุขสบาย และเขาจะทำตัวเสมือนพ่อ และเราก็จะเป็นเหมือนลูกๆ ของเขา ดังนี้ เราจึงจะพิจารณาข้อเสนอที่ท่านขอซื้อแผ่นดินของเรา แต่ไม่ใช่ของง่าย เพราะแผ่นดินนี้คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรา
กระแสน้ำระยิบระยับที่ไหลไปตามลำธาร แม่น้ำและทะเลสาบที่ใสสะอาดนั้น เต็มไปด้วยอดีตและความทรงจำของชาวอินเดียนแดง เสียงกระซิบแห่งน้ำคือเสียงของบรรพบุรุษของเรา แม่น้ำคือสายเลือดของเรา เราอาศัยเป็นทางสัญจร เป็นที่ดับกระหายและเป็นแหล่งอาหารสำหรับลูกหลานของเรา ถ้าเราขายดินแดนนี้ให้ท่าน ท่านจะต้องจดจำและสั่งสอนลูกหลานของท่านด้วยว่า แม่น้ำคือสายเลือดของเราและท่าน ท่านจะต้องปฏิบัติกับแม่น้ำเสมือนเป็นญาติพี่น้องของท่าน
ชาวอินเดียนแดงมักจะหลีกทางให้กับคนผิวขาว เสมอมา เหมือนกับหมอกบนขุนเขาที่ร่นหนีแสงแดดในยามรุ่งอรุณ แต่เถ้าถ่านของบรรพบุรุษของเรา เป็นสิ่งซึ่งเราสักการบูชา และหลุมฝังศพของท่านเหล่านั้นเป็นดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ เช่นเดียวกับเทือกเขาและป่าไม้ เทพเจ้าประทานแผ่นดินส่วนนี้ไว้ให้กับพวกเรา เรารู้ดีว่าคนผิวขาวไม่เข้าใจวิถีชีวิตของเรา สำหรับเขาแล้ว แผ่นดินไหนๆ ก็ตามก็เหมือนกันหมด เพราะพวกเขาคือคนแปลกถิ่น ที่เข้ามากอบโกยทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาอยากได้
คนผิวขาวไม่ได้ถือว่าแผ่นดินเป็นเลือด เนื้อของเขา แต่เป็นศัตรู และเมื่อเขาเอาชนะได้แล้วเขาก็จะทิ้งแผ่นดินนั้นไป แล้วก็ทิ้งเถ้าถ่านเอาไว้เบื้องหลังอย่างไม่ใยดี เถ้าถ่านบรรพบุรุษและถิ่นกำเนิดของลูกหลานไม่มีอยู่ในความทรงจำของพวกคนผิว ขาว เขาปฏิบัติต่อผู้ให้กำเนิด ญาติพี่น้อง แผ่นดิน และท้องฟ้า เสมือนสิ่งของที่มีไว้ซื้อขายได้ มันเป็นราวกับฝูงแกะหรือสายลูกประคำ ความหิวกระหายของคนผิวขาวจะสูบความอุดมสมบูรณ์จากแผ่นดิน และเหลือไว้แต่ทะเลทรายอันแห้งผาก
ข้าฯ ไม่เข้าใจ เพราะวิถีชีวิตของเรานั้นต่างกับของท่าน สภาพบ้านเมืองท่านเป็นสิ่งที่บาดตาของชาวอินเดียนแดง แต่ทั้งนี้อาจเป็นเพราะพวกเราเป็นคนป่าเถื่อนและไม่รู้จักอะไร ในบ้านของคนผิวขาวไม่มีที่ใดเลยที่เงียบสงบ ไม่มีที่ที่จะได้ฟังเสียงใบไม้พัดด้วยกระแสลมในฤดูใบไม้ผลิ หรือเสียงปีกแมลงที่บินไปมา ทั้งนี้อาจเป็นเพราะพวกข้าฯ เป็นคนป่าเถื่อนไม่รู้จักอะไร เสียงในเมืองทำให้รู้สึกแสบแก้วหู ชีวิตจะมีความหมายอะไรเมื่อปราศจากเสียงนกและเสียงกบเขียดร้องโต้ตอบกันใน ยามค่ำคืน
ข้าฯ เป็นอินเดียนแดง ข้าฯ ไม่สามารถเข้าใจสิ่งเหล่านี้ได้ ชาวอินเดียนแดงรักที่จะอยู่กับเสียงและกลิ่นของสายลม สายฝน และกลิ่นอายของป่าไม้ สายลมนั้นเป็นสิ่งที่ล้ำค่าของพวกเรา เพราะทุกชีวิตร่วมสัมผัสกระแสลมเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ ต้นไม้ หรือมนุษย์ คนผิวขาวคงจะไม่สังเกตหรือนึกถึงลมที่เขาหายใจอยู่ เหมือนกับคนที่ใกล้ตายมาหลายวัน ย่อมตายด้านต่อกลิ่นอาย และอายรอบๆ ตัวเขา ถ้าเราขายดินแดนให้ท่าน ท่านจะต้องตระหนักเสมอว่า กลิ่นอายอันบริสุทธิ์นี้ เป็นสิ่งที่เรารักและหวงแหน และกลิ่นอายนี้มีชีวิตและวิญญาณ เป็นส่วนหนึ่งของมวลชีวิตทั้งหลายที่อยู่ร่วมกัน
สายลมซึ่งเป็นทั้งลมหายใจเรา และสุดท้ายของเหล่าบรรพบุรุษของเรา จะต้องเป็นสิ่งเริ่มต้นชีวิตให้ลูกหลานของเราเช่นกัน ฉะนั้น หากเราขายแผ่นดินนี้ไป ท่านจะต้องแยกดินแดนส่วนนี้ไว้เป็นดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งแม้แต่คนผิวขาวก็จะสามารถมาสัมผัสกับกลิ่นอายอันหอมหวานไปด้วยดอกไม้ใน ท้องทุ่งได้
ด้วยเหตุนี้ เราจึงจะพิจารณาข้อเสนอของท่าน ที่ท่านจะขอซื้อดินแดนแห่งนี้ และหากเรายอมรับข้อเสนอของท่าน เราจะมีข้อแม้อยู่อย่างหนึ่งคือ คนผิวขาวจะต้องปฏิบัติต่อสัตว์ต่างๆ เยี่ยงญาติพี่น้องของเขา
• ผู้ป่าเถื่อนยิ่งกว่า…
ข้าฯ เป็นคนป่าเถื่อน และไม่สามารถที่จะเข้าใจวิถีชีวิตอื่นได้ ข้าฯ เคยเห็นซากศพของควายป่า นับพันตัวเน่าเหม็นอยู่กลางทุ่งกว้าง ควายป่าเหล่านี้ต้องตายเพราะถูกคนผิวขาวที่นั่งรถไฟวิ่งผ่านมายิงเล่น ข้าฯ เป็นคนป่าเถื่อน ข้าฯ จึงไม่อาจเข้าใจได้ว่า ทำไมม้าเหล็กที่พ่นควันโขมงนี้ จึงสำคัญกว่าควายป่าที่เราฆ่าใช้เป็นอาหารเลี้ยงชีวิต
หากปราศจากสัตว์แล้ว มนุษย์จะมีความหมายอะไร หากสัตว์ทุกชนิดสูญสิ้นไปจากโลกนี้ มนุษย์ก็จะต้องตายไปด้วยความว้าเหว่ ความพินาศที่เกิดขึ้นกับมวลสัตว์ทั้งหลายจะตามมาผลาญชีวิตมนุษย์ เพราะทุกชีวิตมีส่วนสัมพันธ์และเกี่ยวโยงซึ่งกันและกัน
ท่านต้องสอนลูกหลานของท่านว่า แผ่นดินที่เขาเหยียบอยู่คือเถ้าถ่านของบรรพบุรุษของเรา เพื่อเขาจะได้เคารพแผ่นดินนี้ บอกลูกหลานของท่านด้วยว่า โลกนี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยชีวิตอันเป็นญาติพี่น้องของพวกเรา. สั่งสอนลูกหลานของท่านเช่นเดียวกับที่เราสอนลูกหลานของเราเสมอมาว่า โลกนี้คือแม่ของเรา ความวิบัติใดๆ ที่เกิดขึ้นกับโลก ก็จะเกิดกับเราด้วย หากมนุษย์ถ่มน้ำลายรดแผ่นดิน ก็เท่ากับมนุษย์ถ่มน้ำลายรดตัวเอง
เรารู้ดีว่า โลกนี้ไม่ได้เป็นของมนุษย์ แต่มนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของโลกนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างมีส่วนสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน เช่นเดียวกับสายเลือดที่สร้างความผูกพันในครอบครัว ทุกสิ่งทุกอย่างมีส่วนสัมพันธ์ต่อกัน ความวิบัติที่เกิดขึ้นกับโลกนี้ จะเกิดขึ้นกับมนุษย์เช่นกัน มนุษย์มิได้เป็นผู้สร้างเส้นใยแห่งมวลชีวิต แต่มนุษย์เป็นเพียงเส้นใยเส้นหนึ่งเท่านั้น หากเขาทำลายเส้นใยเหล่านี้ เขาก็จะทำลายชีวิตของตัวเอง
อย่างไรก็ดี เราจะพิจารณารับข้อเสนอที่จะเข้าไปอยู่ในค่ายที่ท่านได้จัดไว้ให้กับพวกเรา เราจะต่างคนต่างอยู่อย่างสงบสุข เราจะใช้ชีวิตในบั้นปลายของเราที่ไหนนั้น มาถึงตอนนี้ มันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรอีกต่อไปแล้ว เพราะลูกหลานของเราได้เห็นความพ่ายแพ้ของพ่อของเขาในสนามรบ นักรบของเรามีชีวิตอยู่ด้วยความละอายและไร้ศักดิ์ศรี ทุกวันนี้ วันหนึ่งๆ พวกนักรบของเราไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากกินและดื่มของมึนเมา ฉะนั้น การที่เราจะใช้วาระสุดท้ายของเราที่ไหนก็ช่างเถอะ เพราะวันเวลาของพวกเราก็เหลือน้อยเต็มทีแล้ว
• เตือนใจผู้มีอำนาจ
เวลาอีกเพียงไม่กี่ชั่วโมงหรืออีกกี่ปี ข้างหน้า สายเลือดแห่งเผ่าพันธุ์อันยิ่งใหญ่ของเราที่เคยอยู่ในโลกนี้ก็จะสูญสิ้นไป ไม่มีใครเหลือที่จะคารวะเถ้าถ่านของชาวอินเดียนแดง ซึ่งครั้งหนึ่งเคยแข็งแกร่งและเต็มไปด้วยความมุ่งหวังไม่น้อยไปกว่าคนผิวขาว แต่ข้าฯ จะมานั่งโศกเศร้ากับอดีตของเผ่าพันธุ์เราทำไม เผ่าพันธุ์คือมนุษย์ธรรมดา ไม่มีอะไรพิเศษกว่านั้น มนุษย์เกิดมาแล้วก็ตาย ไม่ต่างอะไรกับคลื่นในมหาสมุทร
แม้ว่าคนผิวขาวซึ่งดูเหมือนว่ามีพระผู้ เป็นเจ้าเป็นเพื่อนสนิท ก็จะหนีไม่พ้นจุดจบอันเป็นธรรมดาโลก ที่จริงแล้ว เราอาจจะเป็นพี่น้องกันก็ได้ แล้วเราอาจจะเข้าใจกันก็ได้ สิ่งที่พวกเรารู้ๆ กันอยู่ และสักวันหนึ่ง คนผิวขาวก็จะต้องค้นพบเช่นกันว่า พระเจ้าของเราและพระเจ้าของท่าน คือพระเจ้าองค์เดียวกัน ท่านอาจคิดไปว่า พระเจ้านั้นเป็นทรัพย์สมบัติของท่าน เช่นเดียวกับที่ท่านคิดว่าแผ่นดินนี้เป็นของท่าน แต่ท่านเข้าใจผิด
พระเจ้าเป็นของมนุษย์ ท่านรักและเมตตาคนผิวขาวและคนผิวแดงเท่าเทียมกัน โลกนี้เป็นสิ่งที่พระเจ้าหวงแหน การทำร้ายแผ่นดินคือการท้าทายต่อพระผู้เป็นเจ้า เผ่าพันธุ์ของคนผิวขาวก็จะต้องสูญสิ้นไปจากโลกนี้เช่นกัน และอาจจะเร็วกว่าเผ่าพันธุ์อื่นๆ เสียอีก จงสร้างความโสโครกให้ตัวเองต่อไปเถอะ ท่านจะจมสิ่งปฏิกูลของตัวเองตาย
แต่เมื่อท่านตาย ท่านจะตายอย่างมีเกียรติอย่างผู้ทรงพลังที่พระเจ้าบันดาลให้มาสู่แผ่นดินนี้ มามีอำนาจเหนือแผ่นดินและคนผิวแดง ชะตาชีวิตอันนี้เป็นสิ่งที่เร้นลับสำหรับเรา เราไม่อาจเข้าใจได้เมื่อควายทุ่งถูกฆ่าหมด เมื่อม้าทุกตัวสิ้นความพยศ เมื่อป่าเขาอันเร้นลับเต็มไปด้วยมนุษย์ผู้บุกรุกเข้าไป และเทือกเขาต่างๆ ระโยงไปด้วยเสาและสายโทรเลข ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะหมดสิ้นไป ทั้งป่าทั้งนกอินทรีก็จะไม่เหลือ การขี่ม้าล่าสัตว์อันเป็นวิถีชีวิตของพวกอินเดียนแดงก็จะสิ้นสุดลง ความเป็นอยู่อันผาสุกก็จะไม่มีอีกต่อไป เหลือแต่การต่อสู้เพื่อการอยู่รอดเท่านั้น
เป็นอันว่าเรารับพิจารณาข้อเสนอให้พวกเรา เข้าไปอยู่ในค่าย ณ ที่นั่น เราอาจจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ไม่นานักได้ตามความพอใจ เมื่อคนผิวแดงคนสุดท้ายจากโลกนี้ไป และความทรงจำของเขาก็คือเงาของก้อนเมฆที่ลอยผ่านทุ่งหญ้า ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นแผ่นดินของเขา แต่วิญญาณของชาวอินเดียนแดงจะยังคงสถิตอยู่กับป่าเขาและท้องทะเลนี้ เพราะเรารักแผ่นดินนี้เช่นเดียวกับทารกรักเสียงเต้นของหัวใจของผู้เป็นแม่ ดังนั้น เมื่อเราขายแผ่นดินให้ท่านแล้ว จงรักมันเหมือนกับที่เราเคยรัก ทะนุถนอมเหมือนที่เราเคยทะนุถนอม
ขอให้บันทึกสภาพปัจจุบันของแผ่นดินนี้ไว้ ในขณะที่ท่านได้กรรมสิทธิ์ไปไว้ในจิตใจและความทรงจำของท่าน และด้วยพลังกายและพลังใจของท่าน จงรักแผ่นดินนี้เพื่อมอบให้ลูกหลานของท่านต่อไป จงรักแผ่นดินนี้ดุจเดียวกับที่พระผู้เป็นเจ้ารักเราทุกคน
สิ่งหนึ่งที่เรารู้แน่ก็คือ พระเจ้าของเราและของท่าน คือพระเจ้าองค์เดียวกัน ท่านหวงแหนโลกนี้ คนผิวขาวก็จะหนีไม่พ้นชะตากรรมอันเป็นจุดจบของทุกคนไปได้ ที่แท้จริงแล้ว เราทุกคนอาจเป็นสายเลือดเดียวกันทั้งนั้น แล้วสักวันหนึ่ง เราจะได้เห็นกัน

ตำนานอินเดียนแดง

ก่อนสิ้นศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และเสีย ดินแดนแก่อเมริกา “อินเดียนแดง” ซึ่งในภาษาอังกฤษใช้คำว่า Indian หรือ Native American โดยในอดีตได้ใช้คำว่า Red Indian เรียกชนพื้นเมืองเหล่านี้ ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นชนเผ่าที่อาศัยอยู่ในอเมริกาเหนือ แคนาดา เม็กซิโก ไปจนถึงอเมริกาใต้ อย่าง บราซิล เปรู บรรพบุรุษพวกเขาเป็นกลุ่มคนจากเอเชียที่อพยพเข้าไปประมาณ 20,000 ปีที่แล้ว ชื่ออินเดียนแดงถูกเรียกมาจาก คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส นักเดินเรือชาวเจนัว ที่ครั้งหนึ่งเล่นเรือไปจนเจอหมู่เกาะในแคริเบียน แต่กลับเข้าใจผิดคิดว่าเป็นดินแดนอินเดีย
อินเดียนแดงในแผ่นดินเก่าจะตั้งถิ่นฐานกัน หนาแน่นบริเวณแม่น้ำมิสซิสซิปปี ดำรงชีวิตแบบเรียบง่ายผูกพันกับธรรมชาติอย่างแนบแน่น ทำไร่ ปลูกข้าวโพด และเป็นต้นกำเนิด “ป๊อปคอร์น” พวกเขามีความเชื่อในเรื่องจิตวิญญาณและกฎธรรมชาติ ใช้ไสยศาสตร์ในการรักษาโรค ประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ เช่นเต้นบูชาผี เพื่อขับไล่ชาวอาณานิคมยุโรป อินเดียนแดง เชื่อว่าโลกนี้มิใช่ของมนุษย์ มนุษย์ต่างหากที่เป็นสมบัติของโลก จำต้องปฏิบัติต่อทุกสิ่งในโลกอย่างให้เกียรติ เพราะถ้าไม่มีสัตว์และพืช เสียสละชีวิตให้รับประทานเป็นอาหารแล้ว เราก็ย่อมจะดำรงอยู่ไม่ได้ ผู้ใดทำลายผู้คน ทำลายธรรมชาติด้วยแล้ว หายนะจะมาเยือนผู้นั้นในไม่ช้า
การพบโลกใหม่ของชาวยุโรป ทำให้ชนพื้นเมืองอินเดียนแดงผู้เป็นเจ้าแผ่นดินไม่น้อยกว่าหมื่นปี ได้รับผลกระทบต่างๆ มากมายจนทำให้จำนวนประชากรชาวอินเดียนแดงลดน้อยลง ด้วยกระสุนปืนจากการยึดที่ดินเพื่อสร้างอาณานิคมเกือบหมด ถูกบังคับให้เป็นทาสทำเหมืองทอง ล่าควายป่าซึ่งเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของชาวอินเดียนแดง บังคับขับไสให้ชาวอินเดียนแดงโยกย้ายไปหาถิ่นฐานใหม่เมื่อหลายเผ่าทนแรงกด ดันไม่ไหว จึงลุกขึ้นต่อสู้และต่อต้านชาวอาณานิคมในที่สุด แต่ชาวอินเดียนแดงก็มักเป็นฝ่ายแพ้สงครามเกือบทุกครั้ง
เมื่อพ่ายแพ้สงครามให้กับอาณานิคมยุโรป บ่อยครั้ง จนล้มตายเป็นจำนวนมาก ถูกยึดครองที่ดิน ต้องอพยพไปยังภูมิประเทศที่แห้งแล้ง ทำให้เกิดภาวะอดอยาก ขาดแคลนอาหาร จนกระทั่งเกิดเขตสงวนอินเดียนให้เป็นเขตแนวรั้วเฉพาะในบริเวณต่างๆ ตามแต่ทางรัฐบาลสหรัฐกำหนดให้ชาวอินเดียนแดงทุกคนย้ายถิ่นเมื่อวันที่ 31 มกราคม พ.ศ.2419 (ค.ศ.1876) ซึ่งมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการกระทำที่โหดร้ายทารุณต่อมนุษย์อย่างสาหัส สากรรจ์ ทั้งๆ ที่ฝรั่งกลุ่มแรกซึ่งมาจนถึงแผ่นดินอินเดียนทางตอนเหนือในช่วงปลายศตวรรษที่ 15 พวกเขาไม่ได้มาพบดินแดนที่ว่างเปล่า หากแต่มีเจ้าของบ้านอยู่อาศัยมากกว่า 2 ล้านคน
ซึ่งเป็นชนเผ่าต่างๆ มากกว่า 1,000 เผ่า นับได้ตั้งแต่แถบที่เยือกแข็งของอาร์คติก ไปจนถึงเขตร้อนฟลอริดา จากฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกไปจนถึงฝั่งแอตแลนติก ทั้งในที่ราบทุนดรา บนเทือกเขา ในป่า ที่ราบลุ่ม ทุ่งหญ้า หนองน้ำทางตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมมีภาษาและวัฒนธรรมอีกนับร้อย
วันที่ 2/06/2556 เวลา 12:29 น.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น