วันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2556

TOP 5 “ขี้ข้า” เจ้ามูลเมือง

โดย ASTVผู้จัดการรายวัน28 ธันวาคม 2556 06:08 น.
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
TOP 5  “ขี้ข้า” เจ้ามูลเมือง
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง

TOP 5  “ขี้ข้า” เจ้ามูลเมือง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

TOP 5  “ขี้ข้า” เจ้ามูลเมือง
นายธาริต เพ็งดิษฐ์

TOP 5  “ขี้ข้า” เจ้ามูลเมือง
นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ

TOP 5  “ขี้ข้า” เจ้ามูลเมือง
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล 

ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์- บรรดาสมุนรับใช้ที่ภูมิใจในฉายา “ขี้ข้าทักษิณ” ซึ่งเรียงหน้าเร่งสร้างผลงานให้เข้าตานายใหญ่ส่งท้ายปี 2556โดยเฉพาะในช่วงการเคลื่อนไหวของมวลมหาประชาชนเวลานี้ ต้องบอกว่า มีจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนเลยทีเดียว แต่ หากไล่เรียงลำดับตามตัวอักษร ก็ต้องบอกว่าว่า มีระดับตัวพ่อ หรือ TOP 5 จำนวน 5 คน(เรียงตามลำดับพยัญชนะ) ที่เหมาะสมอย่างยิ่งกับตำแหน่งขี้ข้าแห่งปีตามที่สังคมตั้งข้อครหาชนิดที่ไม่ต้องมีคำถามให้ต้องสงสัยว่า ทำไมหรือเพราะเหตุใด
      
       อันดับหนึ่ง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง หรือ “บิ๊กแจ๊ด” ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล นายตำรวจที่มีวันนี้เพราะที่ให้ ซึ่งออกหน้ารับใช้สุดใจขาดดิ้น และทำเสแสร้งแกล้งกลับลำถอยเพื่อรุกทางยุทธวิธี
      
       อันดับสอง นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และรมว.กระทรวงมหาดไทย นักเลงใหญ่กร่างใส่มวลชนจะเอากระสุนปืนหรือคืนอำนาจ
      
       อันดับสาม นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เจ้าของฉายา“นกหวีด .... ปรี๊ดแตก” บุคคลที่ทักษิณน่าจะเรียกมาตบกะโหลกโทษฐานเรียกแขกและเรียกเงินบริจาคให้ม็อบกำนันสุเทพ เพราะดันไปสั่งอายัดบัญชีและยัดข้อหาแกนนำ กปปส.และคปท.
      
       อันดับสี่ ต้องนี่เลยนายพลใหญ่แห่งกองทัพหนึ่งในก๊วนนายพลที่โปรดปรานถั่งเช่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ผู้สวมบทบาทตีมึน “ไทยเฉย คนสุดท้าย” แทงกั๊ก ลอยตัวเหนือปัญหา
      
       สุดท้าย อันดับห้า นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล “เดอะปึ้ง” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่รับใช้ถวายหัว แสดงอำนาจบาตรใหญ่ขู่กรรโชกจับแกนนำมวลชนยัดคุก
      
       ส่วนในบรรดารายชื่อท็อปไฟว์ขี้ข้าทักษิณแห่งปีเหล่านี้ จะมีใครขึ้นแท่นอันดับหนึ่ง เห็นทีแฟนานุแฟนของ “ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์” ต้องร่วมด้วยช่วยกันโหวตและกด like ให้รู้กันไปว่าใครจะครองตำแหน่ง “อภิมหาขี้ข้า” ให้เป็นเกียรติเป็นศรีแก่วงศ์ตระกูล
        แต่ก่อนที่จะตัดสินใจโหวตให้ใคร มาทัศนาวีรเวรวีรกรรมที่เหล่าขี้ข้าเจ้ามูลเมือง ทำเอาไว้เสียก่อน
      
       เริ่มต้นจากหมายเลขหนึ่ง “บิ๊กแจ๊ด” นายตำรวจมะเขือเทศคนนี้ ยืดอกยอมรับกับสังคมมาตั้งนานแล้วว่า “มีวันนี้เพราะพี่ให้” ถ่ายรูปคู่กับนักโทษหนีคดีติดโชว์หราในห้องทำงานโดยไม่หวั่นเกรงว่าเป็นเจ้าหน้าที่ที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เพราะเจอตัวนักโทษแล้วไม่จับแต่กลับไปก้มหัวสวามิภักดิ์อีกต่างหาก
      
       ความเหี้ยมโหดของบิ๊กแจ๊ดตำรวจสายเหยี่ยวที่พร้อมพลีกายถวายชีวิตเพื่อนายแม้ว ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังของ คอ.รส. ที่มีกำลังพลอยู่ในมือเฉียด 4 หมื่นนายนั้น เห็นได้จากการสลายการชุมนุมที่หน้า บช.น. และบริเวณสะพานชมัยมรุเชษฐ์  ซึ่งบิ๊กแจ๊ดสั่งตำรวจระดมยิงแก๊สน้ำตาใส่มวลมหาประชาชนชนิดไม่ยั้ง ไม่สนว่ามวลชนจะเป็น คน เฒ่าคนแก่ จน “ฮีโร่กางเกงใน” นายวีรชาติ เปรมกมล ทนไม่ไหวที่เห็นตำรวจยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ป้าที่โดนแก๊สน้ำตาจนล้มฟุบแล้วยังเจอยิงเข้าซ้ำอีกสองลูก จึงลากถังดับเพลิงฉีดใส่ตำรวจเป็นการตอบโต้
      
       การสั่งตำรวจสกัดกั้นกลุ่มผู้ชุมนุมด้วยการยิงแก๊สน้ำตาไม่ให้เข้าไปในพื้นที่หวงห้ามอย่างเช่นทำเนียบรัฐบาล และบช.น.ของ “บิ๊กแจ๊ด” ที่กินเวลายาวนานถึง 2 วัน ทำให้ภาพพจน์ของรัฐบาลองสายตาชาวไทยและสายตาชาวโลกเสียหายอย่างหนัก แม้รัฐบาลจะแก้ตัวว่าการสลายการชุมนุมด้วยแก๊สน้ำตาที่ไหนๆ ในโลกเขาก็ทำกัน แต่ก็ไม่มีใครฟัง และไม่มีใครเชื่อรัฐบาล จนกระทั่ง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ต้องโยกเอาพล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รองผบ.ตร.ฝ่ายความมั่นคง เข้ามากำกับดูแลการปฏิบัติหน้าที่ของบิ๊กแจ๊ด และพลิกเกมรอมชอมกับม็อบ ไม่ปะทะ และปล่อยมวลชนสามารถเข้าพื้นที่หวงห้ามได้โดยง่ายดายทั้งที่ก่อนหน้าประกาศหัวเด็ดตีนขาดไม่ยอมท่าเดียว
      
        อันดับสอง นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ คนๆ นี้ นอกจากจะหาเรื่องด้วยการเดินหน้าผลักดันกม.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอยโดยไม่สนเสียงคัดค้านของสังคมจนลุกลามเป็นเรื่องราวใหญ่โตทำให้เพื่อไทยและพวกทักษิณหาแผ่นดินจะอยู่ไม่ได้แล้ว ยังนำพวกมาร่วมแถลงประกาศไม่ยอมรับอำนาจรัฐธรรมนูญ และจะดำเนินการถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก 5 คน ที่วินิจฉัยว่ากระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญขัดกฎหมาย
      
        นอกจากนั้น นายจารุพงศ์ ยังขึ้นเวทีปราศรัยในการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน ปลุกระดมคนเสื้อแดงลุกฮือค้านอำนาจศาลฯ “วันนี้ต้องออกมาคัดค้านศาลรัฐธรรมนูญ เพราะศาลไม่มีอำนาจวินิจฉัยการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นอำนาจของรัฐสภา” แถมบนเวทีเดียวกันนี้ นายจารุพงศ์ ยังปล่อยให้นายเอกภพ เหลืองรา แกนนำอาชีวะเสื้อแดง ผู้ต้องหาในคดีหมิ่นสถานฯ ขึ้นเวทีปราศรัยโดยไม่รู้สึกรู้สาอะไรทั้งที่ปากว่าจงรักภักดี
      
        แต่ที่โชว์ความกร่างสุดๆ เห็นจะเป็นการให้สัมภาษณ์ในรายการทันสถานการณ์บ้านเมืองทางวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (เอ็นบีที) เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.56 ที่มีลักษณะข่มขู่ผู้ชุมนุมชัดเจน “กฎหมายรัฐธรรมนูญเนี่ยบอกไว้ชัด ว่าจะต้องรักษาการณ์จนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่มา เรายึดถือตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ส่วนคนอื่นที่ไม่ได้ใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญ และไม่ยึดถือกฎหมายรัฐธรรมนูญ เขาใช้อะไรล่ะ แล้วเราจะปฏิบัติตามได้อย่างไร มีข้อต่างระหว่างประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทย ก็คือว่า เมื่อตอนที่เสื้อแดงมาขอให้ยุบ คืนอำนาจให้ประชาชน ได้กระสุนปืนกลับไป แต่วันนี้เมื่อเขาเดินเข้ามา เรายุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชน ประชาชนพี่น้องต้องเลือกชัด ว่าจะเอาระหว่างกระสุนปืนกับการคืนอำนาจ เอาอะไร”
      
       อันดับสาม นายธาริต เพ็งดิษฐ์ ชื่อนี้ใครๆ ก็รู้นับแต่ “ไอ้ริต” เปลี่ยนไปถวายตัวรับใช้นช.ทักษิณ ก็ไม่เคยทำให้นายใหญ่ผิดหวังเพราะสร้างวีรกรรมได้ถึงอกถึงใจ ไล่ตั้งแต่หันมาใส่เกียร์เล่นงานนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะอดีตผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ในคดีอาญาโทษฐานที่สั่งสลายการชุมนุมของนปช.เมื่อปี 2553 แล้วทำให้มีผู้คนบาดเจ็บล้มตาย ทั้งที่นายธาริต ก็นั่งอยู่ใน ศอฉ. กับเขาด้วย
      
       การเปลี่ยนสีของนายธาริต ทำให้เขาถูกเหยียดหยามจากสังคม แต่นายธาริตหาได้แคร์ไม่ และเมื่อเกิดการชุมนุมของมวลมหาประชาชน นายธาริต ก็รีบโชว์พาวสนองนาย ข่มขู่แกนนำผู้ชุมนุมให้หยุดการเคลื่อนไหวต่างๆ นาๆ พร้อมกับออกหมายเรียกให้แกนนำผู้ชุมนุมจำนวน 38 คน มารับทราบข้อกล่าวโทษฐานก่อกบฏ ยุงยงส่งเสริมให้ประชาชนทำผิดกฎหมาย มั่วสุมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ฯลฯ โดยขีดเส้นให้มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 26 - 27 ธ.ค.นี้ และในวันที่ 2 - 3 ม.ค. 57 ซึ่งหลังจากแจ้งข้อกล่าวหาแกนนำแต่ละคนแล้วจะนำตัวผู้ต้องหาส่งศาลอาญาเพื่อขอศาลออกหมายขังทุกคนพร้อมคัดค้านการประกันตัวด้วย หากครบกำหนดนัดแล้วถ้าแกนนำคนใดไม่มาตามกำหนดก็จะขอศาลอาญาออกหมายจับยัดคุกทันที นอกจากนี้ยังได้แจ้งธนาคารให้ตรวจสอบบัญชีและอายัดบัญชีของแกนนำทั้งหมดด้วย
      
       การใช้อำนาจเล่นงานแกนนำผู้ชุมนุม หากมองจากสายตาของคอลัมน์นิสต์การ์ตูนชื่อดังนายสมชัย กตัญญุตานันท์ หรือ ชัย ราชวัตร ก็บอกว่าช่างเป็นการกระทำที่โง่ไม่มีสมอง ดังที่ ชัย ราชวัตร ได้โพสต์ผ่านเฟสบุ๊คเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 56 ว่า“ถ้าผมเป็นทักษิณ ผมจะเรียกไอ้ธาริตมาตบกะโหลก ให้เส้นผมหรอมแหรมของมันร่วงหมดศีรษะ นอกจากมันขยันออกมาพูดเรียกแขกให้กำนันแล้ว ล่าสุดยังเสือกเรียกเงินให้กำนันซะอีก พอประกาศอายัดบัญชีธนาคารของกำนัน ผู้คนกลัวกำนันไม่มีเงินใช้จ่ายพากันเอาเงินสดมายัดใส่มือกำนันตลอดรายทางที่เดินผ่านวันนี้ ทาสรับใช้ที่มีแต่ลิ้นไม่มีสมองก็งี้แหละ”
      
       คนต่อมาคือ อันดับสี่ นายทหารใหญ่แห่งก๊วนนายพลถั่งเช่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ซึ่งล่าสุดเพิ่งส่งลูกน้องออกมาขู่สื่อเครือเอเอสทีวีผู้จัดการอีกแล้ว แม้จะไม่ชัดเท่ากับคราวก่อนที่ฉุนขาดถึงขั้นโพล่งคำว่า “ไอ้ผู้จัดการห่วย” แต่คราวนี้ “บิ๊กตู่” ก็ใช่ว่าจะมีน้ำอดน้ำทนต่อคำวิพากษ์วิจารณ์ในท่าที “ไทยเฉย” ที่วิเคราะห์กันไปหลายแง่หลากมุมถึงเบื้องหน้าเบื้องหลังการแสดงอาการไทยเฉยของนายพลใหญ่แห่งกองทัพบกคนนี้สักเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นข้อสังเกตเรื่องสัมพันธ์ที่ดีกับนายกรัฐมนตรีสุดสวย นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งถ่างขาควบอีกตำแหน่งคือรมว.กระทรวงกลาโหม และเรื่องผลประโยชน์ต่างตอบแทนหลังเกษียณอายุราชการที่มีข้อสงสัยจาก “คลิปถั่งเช่า”
      
       ความจริงแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่บิ๊กตู่แสดงท่าทีเป็นไทยเฉย เพราะไม่ว่าจะไปทางซ้ายหรือขวา ทหารก็จะถูกมองจากผู้คนในสังคมซึ่งแตกเป็นเสี่ยงๆ ในเวลานี้ ว่าเลือกข้างและท่าทีเช่นนั้นทหารจะมีแต่เสียกับเสีย ดังเช่นประวัติศาสตร์ที่หมุนเวียนมาซ้ำรอยครั้งแล้วครั้งเล่า จนพล.อ.ประยุทธ์ เลือกที่จะนิ่งและขอความเห็นใจและเข้าใจทหาร ซึ่งดูเหมือนกำนันสุเทพ จะเข้าใจดีจึงไม่ได้กดดันไปตรงๆ ต่อพล.อ.ประยุทธ์ หนำซ้ำยังแสดงความซึ้งใจถ้าทหาร ไม่ช่วยปรามตำรวจป่านนี้ม็อบน่วม เละ เจอหนักกว่านี้
      
       แต่นี่ก็ไม่ใช่ท่าทีที่มวลมหาประชาชนจะชอบใจ เพราะบางส่วนอยากให้ทหารเทคแอ็คชั่นยืนข้างมวลชนเพื่อว่าจะช่วยให้ “สภาประชาชน” ได้ก่อเกิดมาขึ้นเดินหน้าปฏิรูปประเทศไทยอย่างที่ตั้งความหวังกันไว้สูงว่าจะต้องทำให้ได้และต้องไปถึงจุดนั้น
      
       แม้แต่ “ทหารแก่” อดีตผู้บัญชาการ 3 เหล่าทัพ ก็ดาหน้าออกมากดดันนายทหารรุ่นน้องให้แสดงจุดยืนสนับสนุนการปฏิรูปประเทศ แต่พล.อ.ประยุทธ์ ก็ยังนิ่งเหมือนเคย หนำซ้ำยังให้สัมภาษณ์กำกวมในความหมาย แต่แทงใจมวลชน ทำให้เข้าใจไปว่าผบ.ทบ.ออกหน้ามาคิดสูตรปฏิรูปรับหน้าแทนรัฐบาลโดยเสนอมีเวทีให้คนต่างสีต่างฝ่ายทั้งรัฐบาลได้พูดคุยกันว่า “เขาไม่ชอบธรรมตรงไหน ผิดตรงไหน เพื่อให้ประชาชนเข้าใจก่อน” จนกระทั่งผู้ชุมนุมมีอารมณ์ผลักบิ๊กตู่เข้าร่วมก๊วนขี้ข้าทักษิณไปโดยปริยาย
      
       สุดท้าย อันดับห้า นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ซึ่งมีบทบาทในการรับใช้นช.ทักษิณ จนคนในสังคมสิ้นสงสัยและเต็มใจยกตำแหน่งขี้ข้าแห่งปีให้กับเขา และเมื่อเทียบกับคู่แข่งดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ก็อาจจะกินขาดหรือไม่คะแนนก็อาจจะสูสีกับนายธาริต เพราะไม่เพียงแต่การคืนพาสปอร์ตให้กับทักษิณ การเจรจาต้าอวยกับรัฐบาลกัมพูชาที่น่าเคลือบแคลงว่าแฝงประโยชน์ของนายใหญ่หรือไม่แล้ว
       ทันทีที่นายสุรพงษ์ ลงมาคุมศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อย (คอ.รส.) แทนพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี ก็แสดงท่าทีแข็งกร้าวตระเตรียมจัดการกับผู้ชุมนุมเต็มพิกัด โดยอยู่เบื้องหลังการดำเนินคดีและอายัดบัญชีแกนนำผู้ชุมนุมที่มีนายธาริต เป็นผู้รับไปปฏิบัติโดยด่วน และเปิดไฟเขียวให้ดำเนินการจับกุมนายสุเทพ ทันทีที่มีโอกาส “ถ้าคุณสุเทพอยู่ที่ไหนที่เราสามารถจับตัวได้จะจับกุมตัวอย่างแน่นอน เพราะถือว่าเขาเป็นคนที่โดนหมายศาลในข้อหากบฏ เมื่อมีโอกาสต้องจับกุม”
      
       นายสุรพงษ์ ยังใช้นโยบายโลกล้อมประเทศ และเชิญคณะทูตานุทูตมาเป็นตัวประกันเพื่อสร้างภาพให้กับรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ข้ารับใช้อย่างนายสุรพงษ์ ที่สยบยอมให้นช.ทักษิณ ชี้นกเป็นไม้ชี้ไม้เป็นนกได้ทุกอย่างดังใจปรารถนานั้น ไม่ลังเลที่จะตอบสนองต่อคำสั่งทักษิณเกินร้อย การเลือกใช้นายสุรพงษ์ จึงเท่ากับว่าทักษิณอยากได้อะไร นายสุรพงษ์ ทำให้ได้หมด และภาพที่ปรากฏก็ชัดแล้วว่า ทักษิณ กำลังเดินเข้าสู่โหมดจัดการกับแกนนำผู้ชุมนุมอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ทั้งอายัดบัญชี ยัดข้อหากบฎ พร้อมยัดคุก และค้านประกัน มากันเป็นระลอก ขณะเดียวกันก็งัดข้อกฎหมายเล่นงานผู้สนับสนุนนายสุเทพ โทษฐานสนับสนุนกบฎเพื่อตัดกำลัง
       บทบาทของ คอ.รส.ภายใต้การนำของนายสุรพงษ์ กำลังบีบแกนนำและมวลชนโดยใช้ข้อกฎหมาย และนายสุรพงษ์ ก็ประกาศชัดไม่ยอมประนีประนอมซึ่งเป็นภาพที่สลับกันเล่นสองหน้ากับนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ออกมาออดอ้อนขอความเห็นใจและถอยจนไม่รู้จะถอยอย่างไร
      
       แน่นอน ขี้ข้าของทักษิณไม่ได้มีแค่ 5 คนที่สังคมกล่าวถึงเท่านั้น แถมที่เหลือก็ใช้ว่าจะมีวีรกรรมที่ธรรมดาเสียเมื่อไหร่ เช่น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ นายขวัญชัย ไพรพนา นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายปลอดประสพ สุรัสวดี นายชัยเกษม นิติศิริ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศีรษะ นายนพดล ปัทมะ เป็นต้น
      
       ณ บัดนี้ ถึงเวลา โหวตเลือก “อภิมหาขี้ข้า” แห่งปีเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่แด่นช.ทักษิณ ผู้อยู่แดนไกล กันได้แล้ว
        

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น