การศึกษาเรื่องเนื้อพระสมเด็จวัดระฆังและบางขุนพรหมนั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและจะต้องพิจารณาอย่างถ่องแท้ ไม่ใช่ใช้ระบบการฟัง/หรือเขาเล่าว่าหรืออ่านพบมา/นำมาประมวลเป็นเรื่องราวแล้วเขียนกันอย่างสนุกสนาน คนไหนมีพระสมเด็จองค์งามก็อธิบายอย่างหนึ่ง/คุยไปอย่างเมามัน คนไหนได้พระดูง่ายก็คุยชวนให้คนมาหลงไหลอีกแบบหนึ่ง ไม่มีข้อยุติตายตัว
อันที่จริงนั้นเนื้อพระสมเด็จนอกจากประกอบด้วยมวลสารพุทธคุณที่ปลุกเสกเขียนเป็นเลขยันต์คาถาและลบเอาผงแล้วยังประกอบด้วยมวลสารดอกไม้บูชาพระต่างๆ/ผงธูป/มวลสารแตกหักของพระเครื่องเนื้อดินโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ได้มาจากกรุพระกำแพงเพชร/มวรสารที่เรียกว่าหินเหล็กไหลที่ได้มาจากป่าเขาศักดิ์สิทธิ์/คราบไคลที่เกาะติดตามเจดีย์เก่าๆของวัดรวมทั้งมวลข้าวสารอาหาร/กล้วยน้ำว้าและของหวานที่เหลือจากการฉันของพระ/ปูนเปลือกหอย/หรือดินสอผอง แล้วยังประกอบด้วยน้ำมันตังอิ้วหรือน้ำผึ้งหรือน้ำตาลกรวดด้วย
มวลสารเหล่านี้จะต้องผ่านการทำให้ละเอียดด้วยการตำ/บด/ผสมผสาน แล้วนึ้งหรือหุง (คือต้องผ่านความร้อน)จากนั้นจะนวด/ปั้น/ตัดเป็นชิ้นๆ/หรือก้อนกลมๆเพื่อนำมากดลงแม่พิมพ์ แต่ละชิ้นแต่ละก้อนนั้นขนาดไม่ใหญ่ ถ้าเป็นก้อนก็ขนาดเขื่องเท่ากระสุนยิงนกที่คนสมัยก่อนปั้นกัน อีกทั้งแม่พิมพ์พระสมเด็จก็ไม่ใหญ่มาก คงมีบาง block ที่อาจจะใหญ่ แต่โดยมากจะไม่ขนาดใหญ่ เหตุเพราะต้องผลิตให้ได้พระมากๆถึงหลักหลายๆหมื่นๆองค์/และ block พระที่ใช้ ต้องมีจำนวนมากพอควร เพื่อให้พอกับการมาทำของคนหลายคน ทุกท่านจงคิดดูก็แล้วกันว่าจะต้องใช้เนื้อพระขนาดไหน และใช้ แม่พิมพ์พระ กี่ block เพื่อใช้ในการผลิตพระ
การกดพระและที่เนื้อพระต่างๆกันนั้น เป็นเพราะจากการผสมผสานเนื้อพระมาแต่ต้น จึงส่งผลให้เนื้อพระมีหลายรูปแบบ เนื้อพระละเอียดแน่นและผสมดีพระจะออกมาสวยดี เนื้อพระที่ผสมกันไม่ดีและหยาบทำให้ดูเป็นพระดูง่าย เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญยิ่ง ต้องทำความเข้าใจให้แท้จริงๆ
การดูเนื้อพระที่ดีนั้นต้องดูด้านข้างพระทั้งสี่ด้าน ถึงจะดีที่สุด และจะรู้ข้อสรุปที่ยุติได้ดีว่าเป็นพระเก่าถึงยุดพระสมเด็จหรือไม่ นอกจากจะดูพิมพ์ทรงแล้ว
๑.ขอบพระด้านข้างต้องยุป เอามือลูปเบาๆจะรู้สึกเป็นล่อง
๒.มวลสารด้านข้างต้อง ยุป/ยับ/แยก/เหี่ยว/ย่น มองเห็นชัดเจน จากจุดใดจุดหนึ่ง
๓.องค์ที่แก่น้ำมันตังอิ้วเนื้อพระต้องปรากฏลอยแบบไยแมงมุม คือเป็นลอยแตกรานเกาะติดกันแบบชามสังคโลก
๔.ซอกที่เป็นลอยน้ำลดต้องมีลอยฝุ่นเกาะอยู่บ้าง
๕.มองเห็นมวลสาร/หรือเห็นลอยหลุดหาย/แหว่งของมวลสาร
๖.มองเห็นลอยตัด/หรือเห็นเป็นลอยขีดๆ
สำหรับเนื้อพระนั้นต้องมองเห็นการหดตัว/เหี่ยวย่น/การยุปตัวลง ของส่วนที่เป็นผนังพระ ครอบแก้วกระต้องม้วนงอ เหมือนเส้นขนมจีน/แม้แต่ตัวพระและฐานพระชั้นหนึ่งและสอง ฐานชั้นสามก็เป็นล่องลางๆเหมือนกัน ถ้ามีคราบน้ำมันตังอิ้วต้องแห้งสนิทมีลอยเม็ดผด เนื้อพระที่ผสมไม่ดีจะเห็นรูพรุนบนเนื้อพระไปทั่ว/หรือเห็นลอยปริแยกชัด/หรือเห็นลอยแบบที่ชอบเรียกลอยปูไต่
เนื้อพระที่ผสมกันดีพระจะดูหนึกนุ่ม/มองเห็นมวลสารหลายสีหลายจุด เป็นต้น
ตัวอย่างพระสมเด็จวัดบางขุนพรหมกรุเก่า
พระสมเด็จวัดระฆังทรงเจดีย์
พระสมเด็จวัดระฆังพิมพืใหญ่
พระสมเด็จวัดระฆัง
-------------------------------------------------------------------------------------------
อันที่จริงนั้นเนื้อพระสมเด็จนอกจากประกอบด้วยมวลสารพุทธคุณที่ปลุกเสกเขียนเป็นเลขยันต์คาถาและลบเอาผงแล้วยังประกอบด้วยมวลสารดอกไม้บูชาพระต่างๆ/ผงธูป/มวลสารแตกหักของพระเครื่องเนื้อดินโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ได้มาจากกรุพระกำแพงเพชร/มวรสารที่เรียกว่าหินเหล็กไหลที่ได้มาจากป่าเขาศักดิ์สิทธิ์/คราบไคลที่เกาะติดตามเจดีย์เก่าๆของวัดรวมทั้งมวลข้าวสารอาหาร/กล้วยน้ำว้าและของหวานที่เหลือจากการฉันของพระ/ปูนเปลือกหอย/หรือดินสอผอง แล้วยังประกอบด้วยน้ำมันตังอิ้วหรือน้ำผึ้งหรือน้ำตาลกรวดด้วย
มวลสารเหล่านี้จะต้องผ่านการทำให้ละเอียดด้วยการตำ/บด/ผสมผสาน แล้วนึ้งหรือหุง (คือต้องผ่านความร้อน)จากนั้นจะนวด/ปั้น/ตัดเป็นชิ้นๆ/หรือก้อนกลมๆเพื่อนำมากดลงแม่พิมพ์ แต่ละชิ้นแต่ละก้อนนั้นขนาดไม่ใหญ่ ถ้าเป็นก้อนก็ขนาดเขื่องเท่ากระสุนยิงนกที่คนสมัยก่อนปั้นกัน อีกทั้งแม่พิมพ์พระสมเด็จก็ไม่ใหญ่มาก คงมีบาง block ที่อาจจะใหญ่ แต่โดยมากจะไม่ขนาดใหญ่ เหตุเพราะต้องผลิตให้ได้พระมากๆถึงหลักหลายๆหมื่นๆองค์/และ block พระที่ใช้ ต้องมีจำนวนมากพอควร เพื่อให้พอกับการมาทำของคนหลายคน ทุกท่านจงคิดดูก็แล้วกันว่าจะต้องใช้เนื้อพระขนาดไหน และใช้ แม่พิมพ์พระ กี่ block เพื่อใช้ในการผลิตพระ
การกดพระและที่เนื้อพระต่างๆกันนั้น เป็นเพราะจากการผสมผสานเนื้อพระมาแต่ต้น จึงส่งผลให้เนื้อพระมีหลายรูปแบบ เนื้อพระละเอียดแน่นและผสมดีพระจะออกมาสวยดี เนื้อพระที่ผสมกันไม่ดีและหยาบทำให้ดูเป็นพระดูง่าย เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญยิ่ง ต้องทำความเข้าใจให้แท้จริงๆ
การดูเนื้อพระที่ดีนั้นต้องดูด้านข้างพระทั้งสี่ด้าน ถึงจะดีที่สุด และจะรู้ข้อสรุปที่ยุติได้ดีว่าเป็นพระเก่าถึงยุดพระสมเด็จหรือไม่ นอกจากจะดูพิมพ์ทรงแล้ว
๑.ขอบพระด้านข้างต้องยุป เอามือลูปเบาๆจะรู้สึกเป็นล่อง
๒.มวลสารด้านข้างต้อง ยุป/ยับ/แยก/เหี่ยว/ย่น มองเห็นชัดเจน จากจุดใดจุดหนึ่ง
๓.องค์ที่แก่น้ำมันตังอิ้วเนื้อพระต้องปรากฏลอยแบบไยแมงมุม คือเป็นลอยแตกรานเกาะติดกันแบบชามสังคโลก
๔.ซอกที่เป็นลอยน้ำลดต้องมีลอยฝุ่นเกาะอยู่บ้าง
๕.มองเห็นมวลสาร/หรือเห็นลอยหลุดหาย/แหว่งของมวลสาร
๖.มองเห็นลอยตัด/หรือเห็นเป็นลอยขีดๆ
สำหรับเนื้อพระนั้นต้องมองเห็นการหดตัว/เหี่ยวย่น/การยุปตัวลง ของส่วนที่เป็นผนังพระ ครอบแก้วกระต้องม้วนงอ เหมือนเส้นขนมจีน/แม้แต่ตัวพระและฐานพระชั้นหนึ่งและสอง ฐานชั้นสามก็เป็นล่องลางๆเหมือนกัน ถ้ามีคราบน้ำมันตังอิ้วต้องแห้งสนิทมีลอยเม็ดผด เนื้อพระที่ผสมไม่ดีจะเห็นรูพรุนบนเนื้อพระไปทั่ว/หรือเห็นลอยปริแยกชัด/หรือเห็นลอยแบบที่ชอบเรียกลอยปูไต่
เนื้อพระที่ผสมกันดีพระจะดูหนึกนุ่ม/มองเห็นมวลสารหลายสีหลายจุด เป็นต้น
ตัวอย่างพระสมเด็จวัดบางขุนพรหมกรุเก่า
พระสมเด็จวัดระฆังทรงเจดีย์
พระสมเด็จวัดระฆังพิมพืใหญ่
-------------------------------------------------------------------------------------------
เก๊
ตอบลบ