วันอังคารที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2555

วาเด็ง ปูเต๊ะ พระสหายแห่งสายบุรี
                                                         

ประวัติ วาเด็ง ปูเต๊ะ พระสหายแห่งสายบุรี


          สำหรับ วาเด็ง ปูเต๊ะ กับเรื่องราวการเป็นพระสหายในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มีจุดเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2535 ในครั้งนั้นพระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปโครงการพัฒนาพรุแฆแฆ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี และมีรับสั่งต้องการพบตัว วาเด็ง ปูเต๊ะ เพื่อสอบถามเรื่องการสร้างฝายกั้นน้ำคลองน้ำจืดบ้านทุ่งเค็จ ต.แป้น อ.สายบุรี

          ในขณะนั้น วาเด็ง ปูเต๊ะ ผู้ซึ่งเป็นเพียงประชาชนคนหนึ่ง เขาสวมโสร่ง และไม่ได้ใส่เสื้อ แต่เดินทางไปเข้าเฝ้าฯ เพราะคิดว่าเจ้าหน้าที่ที่มาตามเขาถึงสองครั้งสองคราอาจจะโกหก เพราะเขาไม่เชื่อว่า ในหลวง จะเสด็จมาในป่าเขาจริง ๆ จนกระทั่งได้พบพระองค์แล้ว แต่ วาเด็ง ปูเต๊ะ ก็ยังไม่แน่ใจ ต้องหยิบธนบัตรขึ้นมาดู จึงจะเชื่อว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดิน

          หลังจากนั้น ในหลวง ก็ตรัสกับ วาเด็ง ปูเต๊ะ เป็นภาษามลายูว่าจะสร้างคลองชลประทานให้ เพื่อช่วยเหลือเรื่องแหล่งน้ำแก่ชาวบ้านในการทำการเกษตร พระองค์ทรงสอบถามเส้นทางการขุดคลองสายทุ่งเค็จว่ามีเขตติดต่อที่ไหนบ้าง ซึ่ง วาเด็ง ปูเต๊ะ สามารถตอบได้ทุกคำถาม ถูกต้องตามแผนที่ที่พระองค์ทรงมีอยู่ จึงตรัสชมว่า วาเด็ง ปูเต๊ะ เป็นคนรู้จริง รู้จักพื้นที่ เพราะในการจะไปช่วยใครที่ไหน จำเป็นต้องถามเจ้าของพื้นที่ก่อน เพราะชาวบ้านจะรู้จริงกว่าคนอื่น

          วัน รุ่งขึ้น ในหลวง ก็ตรัสให้ วาเด็ง ปูเต๊ะ เป็นคนพายเรือให้พระองค์นั่งสำรวจคลองสายทุ่งเค็จ โดยตรัสให้ทำตัวตามสบาย และเล่าถึงความเดือดร้อนของชาวบ้านในพื้นที่ พร้อม กันนี้ ในหลวง ยังทรงลองใจ วาเด็ง ปูเต๊ะ ด้วยการตรัสขอที่ดินทำโครงการพระราชดำริ ซึ่ง วาเด็ง ปูเต๊ะ ก็ออกปากยกที่ดินถวายให้กับพระองค์ในทันที ด้วยความเป็นคนซื่อตรง ในหลวง จึงมีพระราชดำรัสให้เป็น "พระสหายแห่งสายบุรี" ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

          ทั้งนี้ วาเด็ง ปูเต๊ะ เคยเล่าว่า ยามที่ ในหลวง เสด็จฯ มาพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็จะมีรับสั่งให้เข้าเฝ้าที่พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ทุกครั้ง และมอบเงินให้ครั้งละหลายหมื่นบาท แต่หากไม่ได้เสด็จฯ มา ก็จะทรงฝากเงินมากับสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี แทบทุกครั้ง ล่าสุด ยังตรัสให้ตนหยุดทำงาน เพราะแก่แล้ว ทรงเป็นห่วงสุขภาพ ซึ่งตนก็มักจะนั่งทบทวนคำตรัสของพระองค์ด้วยรอยยิ้มแห่งความภาคภูมิใจอยู่ ตลอดเวลา

          เมื่อครั้ง ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระประชวร วาเด็ง ปูเต๊ะ ได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทอย่างใกล้ชิดหลายครั้ง พร้อมกับได้ร่วมลงนามถวายพระพรอยู่เป็นประจำ โดย พระสหายแห่งสายบุรี ให้สัมภาษณ์เป็นภาษายาวีทั้งน้ำตาว่า … หลังทราบข่าวว่าพระองค์ประชวร รู้สึกเป็นห่วงพระองค์ท่าน ตนได้ละหมาดฮายัดร่วมกับโต๊ะอิหม่าม และชาว อ.สายบุรี เพื่อถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ทรงหายจากพระอาการประชวร และมีพระพลานามัยที่แข็งแรงสมบูรณ์โดยเร็ว 
ประวัติครอบครัวของ วาเด็ง ปูเต๊ะ

          ชาวอิสลามนามว่า วาเด็ง ปูเต๊ะ มีภรรยาชื่อ นางสาลาเมาะ ปูเต๊ะ มีบุตรทั้งหมด 5 คน อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 64 หมู่ 5  บ้านบาเลาะ  ต. ปะเสยะวอ อ. สายบุรี จ. ปัตตานี ประกอบอาชีพเลี้ยงโค และทำสวนผลไม้ ได้แก่ ทุเรียน ลองกอง จำปาดะ เงาะ และมะพร้าว ใช้วิถีชีวิตแบบพอเพียง เป็นแบบอย่างตามพระราชดำรัสของในหลวง ที่รู้จักกิน รู้จักใช้ ในชุมชนชนบท นอกจากนี้ วาเด็ง ปูเต๊ะ ยังเป็นผู้ที่มีจิตใจดีงาม เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ พร้อมกับมีความจงรักภักดีต่อผืนแผ่นดินไทย และต่อในหลวงของเรา ดังที่ครั้งหนึ่ง วาเด็ง ปูเต๊ะ ได้กล่าวไว้ว่า "เรา ไม่สามารถขอให้ทุกคนทำอะไรเพื่อในหลวงได้  แต่อยากให้ทำทุกอย่างเพื่อส่วนรวม อย่าทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัว และผมไม่สามารถขอให้คนไทยทุกคน รักในหลวงอย่างที่ผมรัก แต่ผมรักในหลวงหมดหัวใจ"

          แม้วันนี้พระสหายแห่งสายบุรีจะจากไป แต่คุณงามความดีที่ได้ปฏิบัติมา สมควรที่เราคนไทยควรเอาเป็นแบบอย่าง และยกย่องเป็นอย่างยิ่ง ... ทีมงานกระปุกดอทคอม ขอแสดงความเสียใจกับการจากไปของ วาเด็ง ปูเต๊ะ และขอให้วิญญาณของท่านจงไปสู่สุขคติ ๆ ค่ะ 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น