วันพุธที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2557

"สุดท้ายของระบอบทักษิณ สร้างรากฐานใหม่ให้ประเทศไทย?"

ป๋าเปลว มีกิจธุระสำคัญต้องไปดำเนินการครับ อีกวันสองวันจะหิ้วชะลอมกลับ นั่งยันนอนยันถึงปลายซอยไทยโพสต์ก่อนวันกำนันประกาศชัยชนะ!
    ครับมาเข้าเรื่องกัน วานนี้ (๑๕ มกราคม) ไม่ต่างวันโลกแตกสำหรับยิ่งลักษณ์! อาจารย์ธีรยุทธ บุญมี ตั้งโต๊ะแถลงข่าว เตะผ่าหมากระบอบทักษิณ 
    หน้าเขียว ร่วงทั้งยืนครับ!
    "สุดท้ายของระบอบทักษิณ สร้างรากฐานใหม่ให้ประเทศไทย?" ลากไส้ความชั่วร้ายของระบอบอนาธิปไตยคอร์รัปชัน
    หลายประเด็นเป็นที่รับรู้ของสังคมในวงกว้างอยู่แล้ว บางประเด็นทำให้เกิดความคิดต่อยอด เมื่อมองย้อนกลับไปในอดีตดูวิวัฒนาการของระบอบทักษิณตลอดช่วงเวลาร่วม ๑๐ ปีที่ผ่านมา
    เช่น การรื้อล้างระบบโยกย้ายราชการ รัฐวิสาหกิจ ให้พรรคพวกตน การประมูลตำแหน่งสำคัญๆ เช่น ระดับสารวัตร ผู้กำกับ อธิบดี ปลัด ผู้ว่าการ ตำแหน่งรัฐมนตรี ตั้งแต่สิบถึงหลายร้อยล้านบาท 
    พบว่ากองทัพเป็นเพียงองค์กรเดียวที่รับรู้ถึงภัยของระบอบทักษิณ มีการป้องกันตัวเองจากการแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายมาตั้งแต่โรคร้ายนี้ยัง ไม่ระบาดรุนแรงเท่าใดนัก
    จากประสบการณ์ถูกล้วงลูกโดยระบอบทักษิณ คือการก้าวขึ้นเป็น ผู้บัญชาการทหารบกของ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร  คนในกองทัพล้วนรู้ดีว่า มิได้มาจากความสามารถ
    แต่เพราะนามสกุล "ชินวัตร"
    กองทัพจึงตั้งการ์ดสูงมาตั้งแต่หลังการรัฐประหาร ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ นั่นคือการออกพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ.๒๕๕๑ โดยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เพื่อป้องกันตัวไม่ให้ฝ่ายการเมืองเข้าไปแทรกแซงการโยกย้ายกำลังพล
    กระนั้นก็ตามยังไม่สามารถป้องกันได้เต็มร้อย ดังที่เราได้ยินจากคลิปถั่งเช่า
    ที่ยกตัวอย่างมาก็เพื่อให้เห็นว่า แม้จะป้องกันด้วยกฎหมาย แต่มิอาจรอดจากการแทรกแซงโดยระบอบทักษิณ
    เห็นดีกรีของความเลวทรามแล้วใช่มั้ยครับ!    
    ใครที่ฝันว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเป็นหัวหน้าคณะรัฐประหาร น่าจะฝันค้างครับ เพราะกองทัพมิได้มีความเป็นเอกภาพอย่างภาพที่เราเห็น  คนของระบอบทักษิณฝังตัวอยู่มิใช่น้อย
    แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะใช้วิธีอื่นซึ่งได้ผลกว่า โดยไม่ซ้ำรอย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน
    ทหารยุคใหม่ฉลาดพอที่จะรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงที่ไม่สร้างปมขัดแย้งที่ร้าวลึก ไว้เบื้องหลังนั้น ต้องเป็นการเปลี่ยนแปลงโดยประชาชนเท่านั้น ที่เหลือแค่จับวางตำแหน่งของกองทัพให้เหมาะสม แล้วข้าราชการที่ยังลังเลเพราะความกลัว จะขยับไปยืนในจุดที่ควรจะยืนเอง
    และคราวนี้จะต่างจากเมื่อครั้งปฏิวัติหน้าจอโดย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ที่ไม่สามารถเขย่าเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้ครับ
    เพราะประชาชนหมดความอดทนกับการปล้นชาติแล้ว!
    จบหรือไม่จบอย่างไร อาจารย์ธีรยุทธระบุเอาไว้ชัดครับ มีอยู่ ๒ ทาง คือ
    "๑.ถ้าคนไทยส่วนใหญ่ไม่แคร์เรื่องการคอร์รัปชัน การเปลี่ยนกลับไปมาของเพื่อไทย รัฐบาลยิ่งลักษณ์จะรักษาการไปจนถึงการเลือกตั้งใหม่และได้กลับมาเป็นอำนาจอ ธิปัตย์อีกครั้ง ซึ่งจะนำไปสู่ระบอบทักษิณโดยสมบูรณ์ และจะไม่มีการปฏิรูปที่เป็นจริงใดๆ เกิดขึ้น
    ๒.มีการเปลี่ยนแปลงในระดับ “การปฏิวัติ” แบ่งได้เป็น ๓  แบบ คือ
    ๒.๑ มีการปฏิวัติโดยประชาชนขนานใหญ่ (great  revolution) เช่น การปฏิวัติฝรั่งเศส อเมริกา รัสเซีย จีน มีการใช้กองกำลังติดอาวุธเพื่อเปลี่ยนอำนาจ โครงสร้าง ความคิด มีการเสียเลือดเนื้อสูง เมืองไทยไม่มีโอกาสเกิดขึ้น เพราะมีกองทัพซึ่งเหนียวแน่นอยู่กับสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่กองเดียว  รวมทั้งสังคมไทยก็ไม่ชอบความรุนแรง ไม่อยากให้มีการปะทะโดยการใช้กำลัง
    ๒.๒ การปฏิวัติแบบใหม่ คือ “สันติภิวัฒน์” ขณะนี้คนส่วนใหญ่ของสังคมวิชาชีพต่างๆ ภาคเอกชน ข้าราชการ  ทหาร นักวิชาการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กรรมกร ชาวนา ชาวบ้านร้านตลาด รากหญ้าทุกจังหวัด (ซึ่งเป็นไปได้ถ้ามีนโยบายดีๆ) จนเป็นฉันทมติหรือประชามติกดดันให้เกิดการแก้กฎหมาย เปลี่ยนโครงสร้าง ทำลายห่วงโซ่ที่เป็นปมปัญหา ทั้งนี้ยอมรับว่าการปฏิวัติทุกประเทศไม่ใช่เสียงทั้งหมดของประชาชน แต่เป็นเสียงของประชาชนมากที่สุดที่จะเป็นได้  และทำไปเพื่อสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริงได้ ดังที่เกิดกับการปฏิวัติประชาธิปไตยส่วนใหญ่
    ๒.๓.ทหารรัฐประหาร สถาปนาตัวเองหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ซึ่งปกติเป็นชนชั้นนำขึ้นเป็นอำนาจอธิปัตย์แล้วร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งจะไม่แก้ปัญหาเพราะไม่เคยเปลี่ยนแปลงโครงสร้างใดๆ ได้เลย ถ้าเกิดครั้งนี้ในแบบเดิมๆ ก็อาจถูกคัดค้านทั้งจากฝ่ายมวลมหาประชาชนและกลุ่มเสื้อแดง"
    ครั้งนี้การเปลี่ยนแปลงประเทศระหว่างการทำรัฐประหาร  กับประชาชนเป็นผู้เปลี่ยนแปลงนั้น จะแตกต่างกันอย่างมากมายมหาศาลครับ
    รัฐประหาร คือกับดักมรณะ ที่ทักษิณรองับใช้เป็นไพ่ใบสุดท้าย เพื่ออ้างความชอบธรรมในสายตาชาวโลก
     แน่นอนครับ การตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นของระบอบทักษิณที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นจริง จะได้รับการยอมรับจากหลายๆ ชาติทันที 
    แต่การเปลี่ยนประเทศโดยมวลมหาประชาชน ไม่มีอะไรที่เป็นคุณต่อระบอบทักษิณ ต่อให้ตั้งรัฐบาล
พลัดถิ่น ก็มีสภาพไม่ต่างพวกพลัดตกลงไปในเหวลึก
    ผมยังมองไม่ออกว่านอกจากกัมพูชาแล้ว จะมีประเทศไหนกล้าให้การรับรองสถานะรัฐบาลพลัดถิ่นของก๊วนการเมืองที่ถูกอัป เปหิเพราะรวมหัวกันโกงชาติบ้าง
    และอย่าได้กังวลว่า การเปลี่ยนแปลงโดยมหาประชาชน จะไม่ได้รับการยอมรับ จากมวลชนอันมากมายมหาศาลของอีกฝ่าย
    การเปลี่ยนประเทศไม่จำเป็นต้องมาจากเสียงของประชาชนทั้งหมด และไม่มีที่ไหนในโลกผ่านการเปลี่ยนแปลงเช่นนั้น
    หลายประเทศเปลี่ยนแปลงได้ด้วยคนแค่หยิบมือเดียว  หรือแม้กระทั่งประเทศไทยเรา ผ่านการเปลี่ยนแปลงเช่นนั้นมาแล้ว
    คณะราษฎรเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อ ๒๔๗๕ ยึดพระราชอำนาจจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว  และเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของประเทศสยาม จากสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ  
    สมาชิกคณะราษฎรมีทั้งสิ้น ๑๑๑ คนครับ แบ่งเป็นสายทหารบก ๓๔ คน สายทหารเรือ ๒๕ คน และสายพลเรือน ๕๒ คน
    และคณะราษฎรไม่มีมวลชนหนุนอยู่ข้างหลังแต่อย่างใด  แต่สำเร็จได้เพราะมีกำลังทหารในมือ
    ฉะนั้นเลิกพูดว่าการเปลี่ยนแปลงประเทศจะต้องเป็นฉันทมติของประชาชนทั้งประเทศ เพราะนั่นเป็นเรื่องเพ้อฝัน
    ครับ...มีความพยายามจะเลือกตั้งในวันที่ ๒ กุมภาพันธ์นี้ให้ได้ วงเสวนาปาหี่ที่ ยิ่งลักษณ์ นั่งเป็นประธาน มันยิ่งกว่าซ่องโจร
    ขอโทษสุจริตชนที่ถูกดึงเข้าไปร่วมวง แต่โจรมันจะหาเศษหาเลย อ้างการเลือกตั้งคือประชาธิปไตย ถ้าอยากเป็นประชาธิปไตยต้องไปเลือกตั้ง และโจรมันบอกไม่มีบทบัญญัติกฎหมายใดให้เลื่อนเลือกตั้งได้ครับ
    ไม่แปลก! เพราะนิสัยโจรมันเป็นเช่นนั้น อะไรที่กฎหมายห้ามทำ เช่น การออกกฎหมายนิรโทษโกงสุดซอย เห็นยังทำกันชนิดไม่อายใคร
    ล้างความผิดคอร์รัปชันทำกันได้ครับ แต่ให้เลื่อนเลือกตั้งเพื่อปฏิรูปประเทศเสียก่อนกลับพยายามทำให้ไร้หนทางที่จะเดิน
    เลือกตั้งไปเถอะครับ ๒ กุมภาพันธ์ แล้วพวกท่านจะรู้ว่านรกมีจริง
    มีตัวอย่างที่ไม่ใกล้เคียงนักเพราะตัวละครไม่ถูกตาต้องใจ   แต่ก็พอหยิบยกให้เห็นภาพ
    ผลการเลือกตั้งเมื่อปี ๒๕๐๐ พรรคเสรีมนังคศิลาของจอมพล ป. พิบูลสงคราม และ พลตำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์  ชนะถล่มทลายด้วยการโกงสารพัดวิธี ส่งผลให้นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รวมทั้งประชาชนทั่วไปเดินขบวนประท้วง
    เมื่อขบวนผู้ชุมนุมมาถึงสะพานมัฆวานรังสรรค์ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้น ซึ่งจอมพล ป.แต่งตั้งให้เป็นผู้ควบคุมดูแลสถานการณ์ กลับถอดหมวกโบกรับกลุ่มผู้ชุมนุม
    พร้อมกับกล่าวว่าทหารจะไม่มีวันทำร้ายประชาชน ว่าแล้วก็เดินนำผู้ชุมนุมเข้าสู่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อเจรจากับจอมพล ป.ด้วยตัวเอง
    จบแบบไหนไม่สำคัญเท่าการที่กองทัพยืนข้างประชาชน
    ผมฟังยิ่งลักษณ์นั่งหัวโต๊ะปาหี่พูดเรื่องประชาธิปไตย  เรื่องเลือกตั้ง คอร์รัปชัน เป็นอันต้องนึกถึง "นางงาม" ครับ!
    เปล่า...ไม่ใช่เรื่องสวยเรื่องเก่ง แต่เพราะประโยคหากินของนางงามคือ "รักเด็กค่ะ"  
    ประโยคหากินของยิ่งลักษณ์มีอยู่ไม่กี่คำ หลังจากเบื่อ  บูรณาการต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ มาวันนี้ท่องเป็นนกแก้วนกขุนทอง กล้ากระทั่งพูดเรื่องปราบคอร์รัปชัน ในขณะที่พี่ชายถูกจับได้ว่ามีโครงข่ายธุรกิจพลังงาน กับกลุ่มทุนอาบูดาบีเข้ามาสูบผลประโยชน์ของชาติแบบน่ากังขา
    บริษัท เพิร์ล ออยล์ บางกอก จำกัด เป็นนอมินีใครหรือไม่ ผมไม่ทราบ รู้แต่ว่าที่ตั้งบริษัท อยู่ที่ชั้น 31 อาคารชินวัตรทาวเวอร์ 3
    ครับ...วันนี้เราถึงต้อง ชัตดาวน์กรุงเทพ เคาต์ดาวน์ยิ่งลักษณ์ ชัตอัพทักษิณ รีสตาร์ทประเทศไทย.
                                ผักกาดหอม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น