ป๋าเปลว มีกิจธุระสำคัญต้องไปดำเนินการครับ อีกวันสองวันจะหิ้วชะลอมกลับ นั่งยันนอนยันถึงปลายซอยไทยโพสต์ก่อนวันกำนันประกาศชัยชนะ!
ครับมาเข้าเรื่องกัน วานนี้ (๑๕ มกราคม)
ไม่ต่างวันโลกแตกสำหรับยิ่งลักษณ์! อาจารย์ธีรยุทธ บุญมี ตั้งโต๊ะแถลงข่าว
เตะผ่าหมากระบอบทักษิณ
หน้าเขียว ร่วงทั้งยืนครับ!
"สุดท้ายของระบอบทักษิณ สร้างรากฐานใหม่ให้ประเทศไทย?" ลากไส้ความชั่วร้ายของระบอบอนาธิปไตยคอร์รัปชัน
หลายประเด็นเป็นที่รับรู้ของสังคมในวงกว้างอยู่แล้ว
บางประเด็นทำให้เกิดความคิดต่อยอด
เมื่อมองย้อนกลับไปในอดีตดูวิวัฒนาการของระบอบทักษิณตลอดช่วงเวลาร่วม ๑๐
ปีที่ผ่านมา
เช่น การรื้อล้างระบบโยกย้ายราชการ รัฐวิสาหกิจ
ให้พรรคพวกตน การประมูลตำแหน่งสำคัญๆ เช่น ระดับสารวัตร ผู้กำกับ อธิบดี
ปลัด ผู้ว่าการ ตำแหน่งรัฐมนตรี ตั้งแต่สิบถึงหลายร้อยล้านบาท
พบว่ากองทัพเป็นเพียงองค์กรเดียวที่รับรู้ถึงภัยของระบอบทักษิณ
มีการป้องกันตัวเองจากการแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายมาตั้งแต่โรคร้ายนี้ยัง
ไม่ระบาดรุนแรงเท่าใดนัก
จากประสบการณ์ถูกล้วงลูกโดยระบอบทักษิณ
คือการก้าวขึ้นเป็น ผู้บัญชาการทหารบกของ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร
คนในกองทัพล้วนรู้ดีว่า มิได้มาจากความสามารถ
แต่เพราะนามสกุล "ชินวัตร"
กองทัพจึงตั้งการ์ดสูงมาตั้งแต่หลังการรัฐประหาร ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙
นั่นคือการออกพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ.๒๕๕๑
โดยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์
เพื่อป้องกันตัวไม่ให้ฝ่ายการเมืองเข้าไปแทรกแซงการโยกย้ายกำลังพล
กระนั้นก็ตามยังไม่สามารถป้องกันได้เต็มร้อย ดังที่เราได้ยินจากคลิปถั่งเช่า
ที่ยกตัวอย่างมาก็เพื่อให้เห็นว่า แม้จะป้องกันด้วยกฎหมาย แต่มิอาจรอดจากการแทรกแซงโดยระบอบทักษิณ
เห็นดีกรีของความเลวทรามแล้วใช่มั้ยครับ!
ใครที่ฝันว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเป็นหัวหน้าคณะรัฐประหาร
น่าจะฝันค้างครับ เพราะกองทัพมิได้มีความเป็นเอกภาพอย่างภาพที่เราเห็น
คนของระบอบทักษิณฝังตัวอยู่มิใช่น้อย
แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะใช้วิธีอื่นซึ่งได้ผลกว่า โดยไม่ซ้ำรอย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน
ทหารยุคใหม่ฉลาดพอที่จะรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงที่ไม่สร้างปมขัดแย้งที่ร้าวลึก
ไว้เบื้องหลังนั้น ต้องเป็นการเปลี่ยนแปลงโดยประชาชนเท่านั้น
ที่เหลือแค่จับวางตำแหน่งของกองทัพให้เหมาะสม
แล้วข้าราชการที่ยังลังเลเพราะความกลัว จะขยับไปยืนในจุดที่ควรจะยืนเอง
และคราวนี้จะต่างจากเมื่อครั้งปฏิวัติหน้าจอโดย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา
ที่ไม่สามารถเขย่าเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้ครับ
เพราะประชาชนหมดความอดทนกับการปล้นชาติแล้ว!
จบหรือไม่จบอย่างไร อาจารย์ธีรยุทธระบุเอาไว้ชัดครับ มีอยู่ ๒ ทาง คือ
"๑.ถ้าคนไทยส่วนใหญ่ไม่แคร์เรื่องการคอร์รัปชัน
การเปลี่ยนกลับไปมาของเพื่อไทย
รัฐบาลยิ่งลักษณ์จะรักษาการไปจนถึงการเลือกตั้งใหม่และได้กลับมาเป็นอำนาจอ
ธิปัตย์อีกครั้ง ซึ่งจะนำไปสู่ระบอบทักษิณโดยสมบูรณ์
และจะไม่มีการปฏิรูปที่เป็นจริงใดๆ เกิดขึ้น
๒.มีการเปลี่ยนแปลงในระดับ “การปฏิวัติ” แบ่งได้เป็น ๓ แบบ คือ
๒.๑ มีการปฏิวัติโดยประชาชนขนานใหญ่ (great revolution) เช่น
การปฏิวัติฝรั่งเศส อเมริกา รัสเซีย จีน
มีการใช้กองกำลังติดอาวุธเพื่อเปลี่ยนอำนาจ โครงสร้าง ความคิด
มีการเสียเลือดเนื้อสูง เมืองไทยไม่มีโอกาสเกิดขึ้น
เพราะมีกองทัพซึ่งเหนียวแน่นอยู่กับสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่กองเดียว
รวมทั้งสังคมไทยก็ไม่ชอบความรุนแรง ไม่อยากให้มีการปะทะโดยการใช้กำลัง
๒.๒ การปฏิวัติแบบใหม่ คือ “สันติภิวัฒน์”
ขณะนี้คนส่วนใหญ่ของสังคมวิชาชีพต่างๆ ภาคเอกชน ข้าราชการ ทหาร นักวิชาการ
กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กรรมกร ชาวนา ชาวบ้านร้านตลาด รากหญ้าทุกจังหวัด
(ซึ่งเป็นไปได้ถ้ามีนโยบายดีๆ)
จนเป็นฉันทมติหรือประชามติกดดันให้เกิดการแก้กฎหมาย เปลี่ยนโครงสร้าง
ทำลายห่วงโซ่ที่เป็นปมปัญหา
ทั้งนี้ยอมรับว่าการปฏิวัติทุกประเทศไม่ใช่เสียงทั้งหมดของประชาชน
แต่เป็นเสียงของประชาชนมากที่สุดที่จะเป็นได้
และทำไปเพื่อสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริงได้
ดังที่เกิดกับการปฏิวัติประชาธิปไตยส่วนใหญ่
๒.๓.ทหารรัฐประหาร
สถาปนาตัวเองหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
ซึ่งปกติเป็นชนชั้นนำขึ้นเป็นอำนาจอธิปัตย์แล้วร่างรัฐธรรมนูญใหม่
ซึ่งจะไม่แก้ปัญหาเพราะไม่เคยเปลี่ยนแปลงโครงสร้างใดๆ ได้เลย
ถ้าเกิดครั้งนี้ในแบบเดิมๆ
ก็อาจถูกคัดค้านทั้งจากฝ่ายมวลมหาประชาชนและกลุ่มเสื้อแดง"
ครั้งนี้การเปลี่ยนแปลงประเทศระหว่างการทำรัฐประหาร กับประชาชนเป็นผู้เปลี่ยนแปลงนั้น จะแตกต่างกันอย่างมากมายมหาศาลครับ
รัฐประหาร คือกับดักมรณะ ที่ทักษิณรองับใช้เป็นไพ่ใบสุดท้าย เพื่ออ้างความชอบธรรมในสายตาชาวโลก
แน่นอนครับ การตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นของระบอบทักษิณที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นจริง จะได้รับการยอมรับจากหลายๆ ชาติทันที
แต่การเปลี่ยนประเทศโดยมวลมหาประชาชน ไม่มีอะไรที่เป็นคุณต่อระบอบทักษิณ ต่อให้ตั้งรัฐบาล
พลัดถิ่น ก็มีสภาพไม่ต่างพวกพลัดตกลงไปในเหวลึก
ผมยังมองไม่ออกว่านอกจากกัมพูชาแล้ว
จะมีประเทศไหนกล้าให้การรับรองสถานะรัฐบาลพลัดถิ่นของก๊วนการเมืองที่ถูกอัป
เปหิเพราะรวมหัวกันโกงชาติบ้าง
และอย่าได้กังวลว่า การเปลี่ยนแปลงโดยมหาประชาชน จะไม่ได้รับการยอมรับ จากมวลชนอันมากมายมหาศาลของอีกฝ่าย
การเปลี่ยนประเทศไม่จำเป็นต้องมาจากเสียงของประชาชนทั้งหมด และไม่มีที่ไหนในโลกผ่านการเปลี่ยนแปลงเช่นนั้น
หลายประเทศเปลี่ยนแปลงได้ด้วยคนแค่หยิบมือเดียว หรือแม้กระทั่งประเทศไทยเรา ผ่านการเปลี่ยนแปลงเช่นนั้นมาแล้ว
คณะราษฎรเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อ ๒๔๗๕
ยึดพระราชอำนาจจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
และเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของประเทศสยาม
จากสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ
สมาชิกคณะราษฎรมีทั้งสิ้น ๑๑๑ คนครับ แบ่งเป็นสายทหารบก ๓๔ คน สายทหารเรือ ๒๕ คน และสายพลเรือน ๕๒ คน
และคณะราษฎรไม่มีมวลชนหนุนอยู่ข้างหลังแต่อย่างใด แต่สำเร็จได้เพราะมีกำลังทหารในมือ
ฉะนั้นเลิกพูดว่าการเปลี่ยนแปลงประเทศจะต้องเป็นฉันทมติของประชาชนทั้งประเทศ เพราะนั่นเป็นเรื่องเพ้อฝัน
ครับ...มีความพยายามจะเลือกตั้งในวันที่ ๒ กุมภาพันธ์นี้ให้ได้ วงเสวนาปาหี่ที่ ยิ่งลักษณ์ นั่งเป็นประธาน มันยิ่งกว่าซ่องโจร
ขอโทษสุจริตชนที่ถูกดึงเข้าไปร่วมวง แต่โจรมันจะหาเศษหาเลย
อ้างการเลือกตั้งคือประชาธิปไตย ถ้าอยากเป็นประชาธิปไตยต้องไปเลือกตั้ง
และโจรมันบอกไม่มีบทบัญญัติกฎหมายใดให้เลื่อนเลือกตั้งได้ครับ
ไม่แปลก! เพราะนิสัยโจรมันเป็นเช่นนั้น อะไรที่กฎหมายห้ามทำ เช่น การออกกฎหมายนิรโทษโกงสุดซอย เห็นยังทำกันชนิดไม่อายใคร
ล้างความผิดคอร์รัปชันทำกันได้ครับ แต่ให้เลื่อนเลือกตั้งเพื่อปฏิรูปประเทศเสียก่อนกลับพยายามทำให้ไร้หนทางที่จะเดิน
เลือกตั้งไปเถอะครับ ๒ กุมภาพันธ์ แล้วพวกท่านจะรู้ว่านรกมีจริง
มีตัวอย่างที่ไม่ใกล้เคียงนักเพราะตัวละครไม่ถูกตาต้องใจ แต่ก็พอหยิบยกให้เห็นภาพ
ผลการเลือกตั้งเมื่อปี ๒๕๐๐ พรรคเสรีมนังคศิลาของจอมพล ป. พิบูลสงคราม และ
พลตำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์ ชนะถล่มทลายด้วยการโกงสารพัดวิธี
ส่งผลให้นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
รวมทั้งประชาชนทั่วไปเดินขบวนประท้วง
เมื่อขบวนผู้ชุมนุมมาถึงสะพานมัฆวานรังสรรค์ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์
ผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้น ซึ่งจอมพล
ป.แต่งตั้งให้เป็นผู้ควบคุมดูแลสถานการณ์ กลับถอดหมวกโบกรับกลุ่มผู้ชุมนุม
พร้อมกับกล่าวว่าทหารจะไม่มีวันทำร้ายประชาชน ว่าแล้วก็เดินนำผู้ชุมนุมเข้าสู่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อเจรจากับจอมพล ป.ด้วยตัวเอง
จบแบบไหนไม่สำคัญเท่าการที่กองทัพยืนข้างประชาชน
ผมฟังยิ่งลักษณ์นั่งหัวโต๊ะปาหี่พูดเรื่องประชาธิปไตย เรื่องเลือกตั้ง คอร์รัปชัน เป็นอันต้องนึกถึง "นางงาม" ครับ!
เปล่า...ไม่ใช่เรื่องสวยเรื่องเก่ง แต่เพราะประโยคหากินของนางงามคือ "รักเด็กค่ะ"
ประโยคหากินของยิ่งลักษณ์มีอยู่ไม่กี่คำ หลังจากเบื่อ บูรณาการต้นน้ำ
กลางน้ำ ปลายน้ำ มาวันนี้ท่องเป็นนกแก้วนกขุนทอง
กล้ากระทั่งพูดเรื่องปราบคอร์รัปชัน
ในขณะที่พี่ชายถูกจับได้ว่ามีโครงข่ายธุรกิจพลังงาน
กับกลุ่มทุนอาบูดาบีเข้ามาสูบผลประโยชน์ของชาติแบบน่ากังขา
บริษัท
เพิร์ล ออยล์ บางกอก จำกัด เป็นนอมินีใครหรือไม่ ผมไม่ทราบ
รู้แต่ว่าที่ตั้งบริษัท อยู่ที่ชั้น 31 อาคารชินวัตรทาวเวอร์ 3
ครับ...วันนี้เราถึงต้อง ชัตดาวน์กรุงเทพ เคาต์ดาวน์ยิ่งลักษณ์ ชัตอัพทักษิณ รีสตาร์ทประเทศไทย.
ผักกาดหอม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น