ก.เกษตรฯ ส่ง "ส้มโอพันธุ์ทองดี" บุกตลาดญี่ปุ่น เล็งพัฒนาคุณภาพหวังเพิ่มส่วนแบ่งตลาด
วันพฤหัสบดี ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2555, 10.57 น.
นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรฯ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า ขณะนี้
ประเทศไทยส่งออกผลไม้คิดเป็นมู
ลค่า
ไม่ต่ำกว่า 1.7 หมื่นล้านบาทต่อปี โดยประเทศผู้นำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ จีน
ฮ่องกง และประเทศในกลุ่มอาเซียน ไต้หวัน และสหรัฐอเมริกา
ส่วนตลาดพรีเมี่ยมอย่างประเทศญี่ปุ่น มีมูลค่าประมาณปีละ 4 - 5 ร้อยล้านบาท
คิดเป็นร้อยละ 2.3 - 2.9 ของการส่งออกผลไม้ไทยทั้งหมด
ซึ่งผลไม้ไทยที่ส่งออกไปยังญี่
ปุ่นปัจจุบันมี 9 ชนิด ได้แก่ มะม่วง
มังคุด ทุเรียน กล้วย สับปะรด มะพร้าวอ่อน สละ มะขามหวาน และล่าสุดคือ
"ส้มโอพันธุ์ทองดี" ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ ญี่ปุ่น
ได้ประกาศอนุญาตให้มีการนำเข้
าเมื่อเดือนเมษายน 2555 ที่ผ่านมา หลังจากที่
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ดำเนินการตามขั้นตอนมาตั้
งแต่ปี 2548 โดยคาดว่าส้มโอพันธุ์ทองดี
จะ
ได้รับความนิยมไม่แพ้ผลไม้ 8 ชนิด ที่ได้ส่งออกไปก่อนหน้านี้
เนื่องจากมีรสชาติหวานอมเปรี้ยว สีสันสวยงาม และยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ทั้
งในเรื่องของวิตามินซี เอ บี เเคลเซียม ฟอสฟอรัส ตรงตามรสนิยมการบริโภคผลไม้
ของชาวญี่ปุ่น
ทั้งนี้ ผลไม้ไทยที่ส่งออกไปยังตลาดญี่ปุ่
นจะให้ความสำคัญในด้าน
คุณภาพ โดยเฉพาะขนาดที่เป็น Premium grade และวิธีการกำจัดแมลงศัตรูพืช
ที่ส่วนใหญ่ใช้วิธีอบไอน้ำ อันจะทำให้ผู้บริโภคชาวญี่ปุ่
นเชื่อมั่นได้ว่าการบริโภคผลไม้
ไทยนอกจากจะได้รับทั้งรสชาติที่
ดีแล้ว ยังมีความปลอดภั
ยจากมาตรฐานการผลิตอีกด้วย อย่างไรก็ตาม จะต้องเร่งประชาสัมพันธ์ผลไม้
ไทยให้เป็นที่รู้จักกว้างขวางขึ้นในตลาดญี่ปุ่น ที่มีการนำเข้
าผลไม้จากต่างประเทศมูลค่ากว่า 2 แสนล้านเยน เพื่อเพิ่มส่วนแบ่
งทางการตลาดให้ประเทศไทย ที่ปั
จจุบันมีการส่งออกผลไม้ไปตลาดญี่ปุ่น คิดเป็นร้อยละ 0.5
นายธีระ กล่าวต่อไปว่า ประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกส้มโอที่
ให้ผลผลิตทุกสายพันธุ์รวมประมาณ 2 แสนไร่ เป็นพื้นที่ส้มโอพันธุ์ทองดี
ประมาณ
5 หมื่นไร่ ผลผลิตรวมประมาณ 4 - 5 หมื่นตันต่อปี ปลูกมากในจังหวัดนครปฐม
เชียงราย ปราจีนบุรี สระแก้ว นครนายก อยุธยา พิจิตร และนครศรีธรรมราช
ซึ่งปกติมีผลผลิตตลอดทั้งปี แต่ระหว่างเดือนสิงหาคม - ตุลาคม
จะเป็นช่วงที่ผลผลิตออกสู่
ตลาดมาก อีกทั้งเป็นผลไม้ที่มีอายุ
การเก็บรักษายาว ทำให้มีความได้เปรียบในการส่
งออก โดยการส่งออกส้มโอไปยังต่
างประเทศของไทยในภาพรวมอยู่ที่
ประมาณปีละ 1.2 - 1.3 หมื่นตันต่อปี ประเทศผู้นำเข้าสำคัญ ได้แก่ จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ และไต้หวัน
สำหรับการส่งออกและพัฒนาผลผลิตผลไม้
ของประเทศไทยนั้น กระทรวงเกษตรฯ สนับสนุนและส่งเสริมให้
เกษตรกรทำการเพาะปลูก เก็บเกี่ยว และคัดบรรจุผลผลิต ตามมาตรฐานสากล รวมทั้งให้ความสำคัญกับการผลิ
ตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ครอบคลุมการเกษตรทุกสาขา ทั้งพืช ปศุสัตว์ ประมง ควบคู่ไปกับการวิจัยและพั
ฒนาผลไม้และผลิตภัณฑ์ให้มี
รสชาติเหมาะสมตามความต้องการของตลาด ยืดอายุการเก็บรักษา ตลอดจนใช้ระบบการขนส่งและบรรจุภัณฑ์
ให้เหมาะสมกับการส่งออกผลไม้ไทย ทั้งทางเครื่องบินหรือทางเรือ โดยให้มีต้นทุนต่ำที่สุด พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์
และแนะนำผลไม้ไทยให้เป็นที่รู้
จักมากขึ้นในโอกาสและเทศกาลต่
างๆ ทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น