วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2555

15 ค่ำ เดือน 11 บั้งไฟพญานาค



ทุกปีในช่วงพลบค่ำวันออกพรรษา หลายอำเภอริมฝั่งแม่น้ำโขงใน จ.หนองคาย จะเกิดปรากฏการณ์มหัศจรรย์ทางธรรมชาติ คือมีลูกไฟประหลาดสีแดงอมชมพู พวยพุ่งขึ้นจากแม่น้ำโขง มากบ้าง น้อยบ้าง ต่างกันไปในแต่ละปี สร้างความอัศจรรย์ใจให้แก่ผู้เฝ้าชม

ชาวหนองคายเรียกว่า "บั้งไฟพญานาค" และจัดเทศกาลชมปรากฏการณ์นี้เป็นประจำทุกปี

ปีนี้ นายวิรัตน์ ลิ้มสุวัฒน์ ผวจ.หนองคาย กล่าวว่า จังหวัดเริ่มจัดเทศกาลออกพรรษา ตั้งแต่วันที่ 27 ต.ค. ถึง 2 พ.ย. โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เตรียมรองรับนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะเรื่องที่พัก ขณะนี้ถูกจองเต็มเกือบทุกที่แล้ว แต่จังหวัดก็จัดเตรียมที่พักแบบโฮมสเตย์ตามอำเภอ และวัดต่างๆ นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังสามารถกางเต็นท์นอนหน้าศาลากลางจังหวัด หรือที่ว่าการอำเภอได้เช่นกัน

ตามความเชื่อของชาวหนองคาย ปีไหนที่เป็นปีอธิกมาส มีเดือนแปด 2 หน ปีนั้นจะมีบั้งไฟพญานาคให้ชม 2 วันติดต่อกัน ดังนั้น ปีนี้เป็น ปีอธิกมาส เชื่อว่าจะมีบั้งไฟพญานาคเกิดขึ้น วันที่ 30 ต.ค. และหลังออกพรรษา 1 วัน คือวันที่ 31 ต.ค. และจำนวนลูกไฟจะมีมากกว่าทุกปีด้วย

มีลักษณะเป็นลูกไฟสีแดงอมชมพู ขนาดตั้งแต่หัวแม่มือถึงฟองไข่ไก่ ไม่มีกลิ่น ไม่มีควัน ไม่มีเสียง พุ่งจากแม่น้ำโขงขึ้นสูงเป็นแนวตรง 50-150 เมตร แล้วหายไป

เดิมชาวหนองคายเรียกว่า "บั้งไฟผี" ส่วนชาวเวียงจันทน์ เรียก "ดอกไม้ไฟน้ำ" เริ่มปรากฏให้เห็นตั้งแต่ช่วงพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ไปจนถึงเวลาประมาณ 23.00 น. ของคืนวันออกพรรษา

เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวที่จะมาชมบั้งไฟพญานาคในช่วงออกพรรษานี้ นายยุทธนา ศรีตะบุตร นายกอบจ.หนองคาย เผยว่า อบจ.หนองคาย จัดทำแผ่นพับเกี่ยวกับการชมบั้งไฟพญานาค และเส้นทางการจราจรทั้งสายหลัก และสายรอง ประมาณ 100,000 แผ่น

พร้อมทั้งสนับสนุนงบประมาณการจัดงานในแต่ละพื้นที่ โดยมีศูนย์บริการข้อมูลข่าวสาร ที่สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จ.หนองคาย นักท่องเที่ยวสามารถติดต่อขอข้อมูลที่พัก เส้นทาง และแจ้งอุบัติเหตุได้ตลอด 24 ชั่วโมง

นอกจาก อ.เมือง แล้ว จุดใหญ่อีก 2 จุด ที่นักท่องเที่ยวนิยมไปชมบั้งไฟพญานาค ได้แก่ ริมฝั่งแม่น้ำโขง อ.โพนพิสัย และ อ.รัตนวาปี

โดยเฉพาะที่ อ.โพนพิสัย นั้น นพ.สรร สุนทร ธนากุล นายกเทศมนตรีตำบลโพนพิสัย ระบุว่า ชาวบ้านเชื่อกันว่า บริเวณวัดไทย อ.โพนพิสัย เป็นวังพญานาค ในวันออกพรรษาจึงมีพิธีบวงสรวง เปิดประตูสวรรค์ ประตูโลก และประตูเมืองบาดาลเชื่อมถึงกัน เพื่อเป็นพุทธบูชา

ชาวโพนพิสัยเน้นจัดกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา ดังนั้น นักท่องเที่ยวที่มาด้วยศรัทธา จะสัมผัสได้กับความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติอย่างแท้จริง และยังจัดกิจกรรมเสริม ทั้งการแข่งขันเรือยาวชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี การประกวดศิลปวัฒนธรรมด้านต่างๆ ยาวไปจนถึงวันที่ 8 พ.ย. รวม 9 วัน 9 คืน

ขณะที่ นายวีระชัยโชค มงคลภูมิรัตน์ รองนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองหนองคาย กล่าวเพิ่มเติมว่า เทศบาลเมืองหนองคาย แม้จะไม่ใช่จุดใหญ่ที่พบเห็นบั้งไฟพญานาค แต่ก็จัดกิจกรรมอื่นๆ ไว้รองรับ โดยเฉพาะการแสดงแสง สี เสียง "เปิดตำนานบั้งไฟพญานาค" เป็นไฮไลต์สำคัญของงานในแต่ละปี จุดประสงค์เพื่อถ่ายทอดประวัติของบั้งไฟพญานาคตามความเชื่อของชาวหนองคาย

การแสดงปีนี้จะพิเศษกว่าทุกปีที่ผ่านมา อัดแน่นไปด้วยเนื้อหาสาระครบถ้วน สลับกับเทคนิคพิเศษอย่างตระการตา เปิดการแสดงให้ชมค่ำคืนวันที่ 28-29 ต.ค. บริเวณลานวัดศรีบุญเรือง รวมถึงกิจกรรมถนนอาหาร การประกวดธิดา 15 ค่ำ เดือน 11

รวมถึง "ไหลกะโป๋" หรือลอยกะลามะพร้าว นับหมื่นลงในแม่น้ำโขงเป็นพุทธบูชา และชื่นชมความงามของเรือไฟในลำน้ำโขง

ส่วนวันที่ 31 ต.ค. รับวันใหม่ด้วยการทำบุญตักบาตรเทโวโรหณะ ตามถนนสายต่างๆ ในตัวเมืองหนองคาย ช่วงสายชมการแข่งขันเรือยาวชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พร้อมเงินรางวัล 100,000 บาท ปีนี้มีฝีพายจากทั่วประเทศนำเรือเข้าชิงชัย ชมและเชียร์ได้ตลอดริมฝั่งแม่น้ำโขงจนถึงหน้าวัดสิริมหากัจจายน์ หรือชมถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีได้เช่นกัน

ด้านความปลอดภัยและการจัดการจราจร พล.ต.ต.สมยศ พรหมนิ่ม ผบก.หนองคาย ระบุว่าจัดระบบการจราจรทั้งทางร่วม ทางแยก ถนนสายหลัก สายรอง ป้องกันไม่ให้เกิดปัญหารถติด และจัดกำลังเจ้าหน้าที่นับพันนายให้บริการประชาชนอย่างเต็มที่

ขณะที่ นางอัจฉพรรณ บุญเจริญ ผอ.ททท.สำนักงานอุดรธานี กล่าวว่า นอกจากกิจกรรมระหว่างรอชมบั้งไฟพญานาคช่วงพลบค่ำแล้ว ช่วงกลางวันนักท่องเที่ยวยังสามารถไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ พระ 9 ส ในอำเภอต่างๆ ของ จ.หนองคาย เพื่อเสริมสิริมงคลในวันออกพรรษา มั่นใจว่าปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาไม่ต่ำกว่า 300,000 คน

สำหรับสถิติการเกิดบั้งไฟพญานาคในปีที่ผ่านมา รวบรวมโดยสำนักงานป้องกันจังหวัดหนองคาย พบว่ามีบั้งไฟพญานาคเกิดขึ้นใน อ.เมืองหนองคาย 5 ลูก อ.โพนพิสัย 61 ลูก และ อ.รัตนวาปี 425 ลูก

ออกพรรษาปีนี้ ชาวหนองคายขอเชิญชมความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ เพียงครั้งเดียวในรอบปี ณ ริมฝั่งแม่น้ำโขง จ.หนองคาย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น