บนเส้นทางสายศรัทธา...ย่างกุ้งมุ่งสู่หงสาวดี
วันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม 2555 เวลา 00:00 น.
“ตอนนี้ในย่างกุ้งรถติดตลอด เพิ่งมาติดปีนี้เพราะรัฐบาลอนุญาตให้นำเข้ารถใหม่เข้ามา” แก้ว ไกด์สาวเชื้อสายไทยใหญ่ บอกถึงความเปลี่ยนแปลงของอดีตเมืองหลวงของพม่า เมื่ออยู่บนท้องถนนของย่างกุ้งสิ่งที่แปลกกว่าเมืองอื่นๆคือจะไม่ได้ยินเสียงแตรให้หนวกหู นั้นเพราะกฎหมายของรัฐบาลทหารกำหนดไว้ห้ามใช้เสียง รถคันไหนใช้แตรจะถูกตำรวจจราจรบันทึกทะเบียนรถไว้ ต้องเสียเงินค่าปรับเมื่อครบอายุต่อทะเบียนรถ
สำหรับคนที่ต้องใช้รถเป็นเครื่องทำมาหาเลี้ยงชีพ ทั้งรถเมล์ รวมทั้งรถยนต์ส่วนตัวก่อนที่จะนำพาหนะไปสู่ท้องถนนชาวพม่าจะนำใบไม้ที่เรียกว่า “เอาตาเป” หรือใบไม้แห่งชัยชนะที่มีลักษณะเหมือนกับใบมะกอกติดไว้ที่หน้ารถ เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจในการขับขี่และการทำมาหากิน
บรรยากาศที่น่าตราตรึงของเมืองย่างกุ้งวันนี้ ผู้หญิงยังสวมผ้าถุงกับเสื้อตัวสั้นทาหน้าด้วยทานาคา ผู้ชายใส่โสร่งพกหมากไว้ในปมโสร่ง หิ้วปิ่นโตถือร่ม สวนไปมากับทิวแถวขบวนบิณฑบาตของเหล่าพระเณร รวมทั้งแม่ชีชุดสีชมพู ปิ่นโตและร่มเป็นของติดตัวของคนทำงาน รวมทั้งคนเดินทางทั่วไป เพราะร้านอาหารนั้นไม่ได้มีดาษดื่น อีกทั้งราคาข้าวราดแกง 1 จานก็ปาเข้าไป 1500 จ๊าด หรือประมาณ 50 บาท ร่มนั้นเป็นเครื่องมือป้องกันแดด เพราะอากาศในย่างกุ้งนั้นค่อนข้างร้อนเกือบตลอดทั้งปี
มหานครย่างกุ้งคือหัวใจของพม่าเพราะเป็นที่ประดิษฐานพระมหาเจดีย์ชเวดากอง พระเจดีย์ทองคำคู่บ้านคู่เมืองอายุกว่า 2,600 ปี สร้างในสมัยที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังมีพระชนม์ชีพ ว่ากันว่าจิตวิญญาณของชาวพม่าอยู่กับเจดีย์แห่งนี้ ภายในประดิษฐานเส้นพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าจำนวนแปดเส้นและเครื่องอัฏฐะบริขารของพระพุทธเจ้าองค์กรทั้งสามพระองค์ องค์เจดีย์ที่หุ้มด้วยแผ่นทองคำทั้งหมดหนัก 23 ตัน บนยอดประดับด้วยเพชร 76 กะรัต ทับทิม 10,000 เม็ด
เหนือกว่ามูลค่าวัตถุเหล่านี้คือศรัทธาอันสูงส่ง จากอดีตจนถึงปัจจุบัน ชาวพม่ายึดถือในจิตใจตลอดมาว่า เมื่อทำงานได้จะแบ่งเงิน 3 ส่วนคือใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ส่วนสองฝากธนาคาร และส่วนที่สามเก็บไว้ทำบุญ ดอกไม้สีขาวร้อยเป็นมาลัย คือดอกมหาหงส์ ราคา 500 จ๊าดหรือ 20 บาทคือดอกไม้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่พบเห็นที่วัดวาอารามและเจดีย์สำคัญของพม่า ทุกวันจะมีนักท่องเที่ยวและคนพม่าเองมาสักการะเจดีย์ชเวดากองไม่ขาดสายระยะเวลาเปิดให้เข้าชมเจดีย์นั้นตั้งแต่ตี 4 จนถึง 4 ทุ่มทุกวัน
พระนอนเจ๊าทัตจี เป็นสถานที่ไหว้พระสวดมนต์อีกแห่งที่ชาวพม่ามักเจียดเวลา มากำหนดจิตตั้งสมาธิ ด้วยคุณลักษณะพิเศษนอกจากได้รับการขึ้นทะเบียนว่าเป็นพระนอนที่มีขนาดใหญ่สุดในย่างกุ้ง มีลักษณะพิเศษที่ขนตางอนงาม คนไทยจึงเรียก พระนอนตาหวาน
เจดีย์โบตะทาวน์ แสดงอดีตอันรุ่งเรืองของพม่าอีกแห่ง เป็นที่ประดิษฐานพระเกศาธาตุ ในครั้ง สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 พ.ศ.2486 ฝ่ายสัมพันธมิตร ได้ทิ้งระเบิดลงมาจนเจดีย์พังทลาย ปรากฏว่าภายในได้พบพระพุทธรูปทองคำ เงิน และสำริดราว 700 องค์ เมื่อบูรณะใหม่จึงนำพระพุทธรูปออกมาจัดแสดงให้ผู้คนได้ชมรวมทั้งการนำพระเกศาธาตุที่อยู่ใต้ฐานเจดีย์ออกมาให้ประชาชนสักการะด้วย ทั้งที่ประดิษฐานของพระเกศาธาตุและพระพุทธรูปทองคำ ถูกดูแลความปลอดภัยอย่างแน่นหนาด้วยกรงกระจกและกรงเหล็ก ดังนั้นธรรมเนียมที่นิยมกันคือสักการะพระเกศาธาตุแล้วจะม้วนแบงก์สอดลอดเข้าไปในกรงเหล็ก
จากย่างกุ้งมุ่งสู่เมืองหงสาวดีนั้นนั่งรถเกือบ 2 ชม. คนไทยเรียกหงสาวดีเพราะเสาหงส์ผสมกับชื่อเมืองที่ชาวพม่าเรียกว่า “หันตาวดี”เมื่อได้มาสักการะพระธาตุมุเตา ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองหงสาวดีนั้นหมายความว่าเราได้สักการะสถานศักดิ์สิทธิ์ 1 ใน 5 ของพม่าแล้ว ตามตำนานเล่าว่าเมืองนี้ครั้งที่พระพุทธเจ้าเสด็จมาซึ่งเต็มไปด้วยน้ำ มีพื้นดินเล็กที่หงส์ยืนได้หงส์ตัวผู้รับเสด็จหงส์ตัวเมียไม่มีที่จึงต้องเกาะหลังไว้นั้นจึงเป็นที่มาว่าชาวมอญซึ่งเป็นชนเผ่าสำคัญของพม่าจึงนับถือหงส์สัญลักษณ์คู่บ้านคู่เมือง ความขลังของเจดีย์แห่งนี้ปรากฏให้เห็นว่า เมื่อปี พ.ศ.2473 เกิดแผ่นดินไหวยอดพระเจดีย์หักโค่นลงมาแต่ก้อนอิฐไม่แตกกระจาย และพระธาตุมุเตา หรืออีกชื่อว่า พระเจดีย์จมูกร้อน” เหตุเพราะยอดพระเจดีย์องค์นี้มีความสูงมาก ทำให้ต้องเงยหน้าคอตั้งบ่ามองจนจมูกโดนแสงแดดที่แผดกล้าเผาไหม้จนร้อนไปหมด
เมื่อภาพยนตร์เรื่องสมเด็จพระนเรศวรออกฉาย ปรากฏว่า หงสาวดีมีคนไทยมาเยือนเกือบทุกวัน อย่างน้อยสุดวันละ 50 คน เพราะที่นี่ยังหลงเหลือร่องรอยของพระราชวังบุเรงนอง ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็น “ผู้ชนะสิบทิศ” ฉากในภาพยนตร์เรื่องสมเด็จพระนเรศวรมาจำลองสถานที่แห่งนี้ไป ซึ่งเป็นของใหม่ที่สร้างจำลองแทนของเดิมที่ถูกเมืองยะไข่เผาสิ้นหมดทั้ง 14 ตำหนัก
พม่านั้นเป็นดินแดนแห่งศรัทธา สิ่งก่อสร้างทางพุทธศาสนานั้นยิ่งใหญ่และมีมูลค่า เพชรพลอยมากมายที่บรรจุไว้ในเจดีย์หลายแห่ง คือนัยแห่งธรรมให้มนุษย์ปลดปล่อยความโลภหลงเพื่อลดละกิเลสอันเป็นสาเหตุแห่งทุกข์..นั้นจึงเป็นธรรมข้อหนึ่งที่เรียนรู้ได้จากการเยือนพม่า
สายการบินบางกอกแอร์เวย์ ให้บริการบินตรงเส้นทางบินกรุงเทพฯ-ย่างกุ้ง ทุกวันวันละ 3 เที่ยวเที่ยวแรกเวลา 09.15 น. รายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.bangkokair.com เที่ยวพม่าแบบเจาะลึกมีแพ็กเกจทัวร์ แบบพิเศษกับบางกอก แทรเวล คลับ (BTC) โทร. 0-2265-8966 เว็บไซต์ www.bangkoktravelclub.co.th
พงประไพ เสือเขียว
สำหรับคนที่ต้องใช้รถเป็นเครื่องทำมาหาเลี้ยงชีพ ทั้งรถเมล์ รวมทั้งรถยนต์ส่วนตัวก่อนที่จะนำพาหนะไปสู่ท้องถนนชาวพม่าจะนำใบไม้ที่เรียกว่า “เอาตาเป” หรือใบไม้แห่งชัยชนะที่มีลักษณะเหมือนกับใบมะกอกติดไว้ที่หน้ารถ เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจในการขับขี่และการทำมาหากิน
บรรยากาศที่น่าตราตรึงของเมืองย่างกุ้งวันนี้ ผู้หญิงยังสวมผ้าถุงกับเสื้อตัวสั้นทาหน้าด้วยทานาคา ผู้ชายใส่โสร่งพกหมากไว้ในปมโสร่ง หิ้วปิ่นโตถือร่ม สวนไปมากับทิวแถวขบวนบิณฑบาตของเหล่าพระเณร รวมทั้งแม่ชีชุดสีชมพู ปิ่นโตและร่มเป็นของติดตัวของคนทำงาน รวมทั้งคนเดินทางทั่วไป เพราะร้านอาหารนั้นไม่ได้มีดาษดื่น อีกทั้งราคาข้าวราดแกง 1 จานก็ปาเข้าไป 1500 จ๊าด หรือประมาณ 50 บาท ร่มนั้นเป็นเครื่องมือป้องกันแดด เพราะอากาศในย่างกุ้งนั้นค่อนข้างร้อนเกือบตลอดทั้งปี
มหานครย่างกุ้งคือหัวใจของพม่าเพราะเป็นที่ประดิษฐานพระมหาเจดีย์ชเวดากอง พระเจดีย์ทองคำคู่บ้านคู่เมืองอายุกว่า 2,600 ปี สร้างในสมัยที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังมีพระชนม์ชีพ ว่ากันว่าจิตวิญญาณของชาวพม่าอยู่กับเจดีย์แห่งนี้ ภายในประดิษฐานเส้นพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าจำนวนแปดเส้นและเครื่องอัฏฐะบริขารของพระพุทธเจ้าองค์กรทั้งสามพระองค์ องค์เจดีย์ที่หุ้มด้วยแผ่นทองคำทั้งหมดหนัก 23 ตัน บนยอดประดับด้วยเพชร 76 กะรัต ทับทิม 10,000 เม็ด
เหนือกว่ามูลค่าวัตถุเหล่านี้คือศรัทธาอันสูงส่ง จากอดีตจนถึงปัจจุบัน ชาวพม่ายึดถือในจิตใจตลอดมาว่า เมื่อทำงานได้จะแบ่งเงิน 3 ส่วนคือใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ส่วนสองฝากธนาคาร และส่วนที่สามเก็บไว้ทำบุญ ดอกไม้สีขาวร้อยเป็นมาลัย คือดอกมหาหงส์ ราคา 500 จ๊าดหรือ 20 บาทคือดอกไม้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่พบเห็นที่วัดวาอารามและเจดีย์สำคัญของพม่า ทุกวันจะมีนักท่องเที่ยวและคนพม่าเองมาสักการะเจดีย์ชเวดากองไม่ขาดสายระยะเวลาเปิดให้เข้าชมเจดีย์นั้นตั้งแต่ตี 4 จนถึง 4 ทุ่มทุกวัน
พระนอนเจ๊าทัตจี เป็นสถานที่ไหว้พระสวดมนต์อีกแห่งที่ชาวพม่ามักเจียดเวลา มากำหนดจิตตั้งสมาธิ ด้วยคุณลักษณะพิเศษนอกจากได้รับการขึ้นทะเบียนว่าเป็นพระนอนที่มีขนาดใหญ่สุดในย่างกุ้ง มีลักษณะพิเศษที่ขนตางอนงาม คนไทยจึงเรียก พระนอนตาหวาน
เจดีย์โบตะทาวน์ แสดงอดีตอันรุ่งเรืองของพม่าอีกแห่ง เป็นที่ประดิษฐานพระเกศาธาตุ ในครั้ง สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 พ.ศ.2486 ฝ่ายสัมพันธมิตร ได้ทิ้งระเบิดลงมาจนเจดีย์พังทลาย ปรากฏว่าภายในได้พบพระพุทธรูปทองคำ เงิน และสำริดราว 700 องค์ เมื่อบูรณะใหม่จึงนำพระพุทธรูปออกมาจัดแสดงให้ผู้คนได้ชมรวมทั้งการนำพระเกศาธาตุที่อยู่ใต้ฐานเจดีย์ออกมาให้ประชาชนสักการะด้วย ทั้งที่ประดิษฐานของพระเกศาธาตุและพระพุทธรูปทองคำ ถูกดูแลความปลอดภัยอย่างแน่นหนาด้วยกรงกระจกและกรงเหล็ก ดังนั้นธรรมเนียมที่นิยมกันคือสักการะพระเกศาธาตุแล้วจะม้วนแบงก์สอดลอดเข้าไปในกรงเหล็ก
จากย่างกุ้งมุ่งสู่เมืองหงสาวดีนั้นนั่งรถเกือบ 2 ชม. คนไทยเรียกหงสาวดีเพราะเสาหงส์ผสมกับชื่อเมืองที่ชาวพม่าเรียกว่า “หันตาวดี”เมื่อได้มาสักการะพระธาตุมุเตา ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองหงสาวดีนั้นหมายความว่าเราได้สักการะสถานศักดิ์สิทธิ์ 1 ใน 5 ของพม่าแล้ว ตามตำนานเล่าว่าเมืองนี้ครั้งที่พระพุทธเจ้าเสด็จมาซึ่งเต็มไปด้วยน้ำ มีพื้นดินเล็กที่หงส์ยืนได้หงส์ตัวผู้รับเสด็จหงส์ตัวเมียไม่มีที่จึงต้องเกาะหลังไว้นั้นจึงเป็นที่มาว่าชาวมอญซึ่งเป็นชนเผ่าสำคัญของพม่าจึงนับถือหงส์สัญลักษณ์คู่บ้านคู่เมือง ความขลังของเจดีย์แห่งนี้ปรากฏให้เห็นว่า เมื่อปี พ.ศ.2473 เกิดแผ่นดินไหวยอดพระเจดีย์หักโค่นลงมาแต่ก้อนอิฐไม่แตกกระจาย และพระธาตุมุเตา หรืออีกชื่อว่า พระเจดีย์จมูกร้อน” เหตุเพราะยอดพระเจดีย์องค์นี้มีความสูงมาก ทำให้ต้องเงยหน้าคอตั้งบ่ามองจนจมูกโดนแสงแดดที่แผดกล้าเผาไหม้จนร้อนไปหมด
เมื่อภาพยนตร์เรื่องสมเด็จพระนเรศวรออกฉาย ปรากฏว่า หงสาวดีมีคนไทยมาเยือนเกือบทุกวัน อย่างน้อยสุดวันละ 50 คน เพราะที่นี่ยังหลงเหลือร่องรอยของพระราชวังบุเรงนอง ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็น “ผู้ชนะสิบทิศ” ฉากในภาพยนตร์เรื่องสมเด็จพระนเรศวรมาจำลองสถานที่แห่งนี้ไป ซึ่งเป็นของใหม่ที่สร้างจำลองแทนของเดิมที่ถูกเมืองยะไข่เผาสิ้นหมดทั้ง 14 ตำหนัก
พม่านั้นเป็นดินแดนแห่งศรัทธา สิ่งก่อสร้างทางพุทธศาสนานั้นยิ่งใหญ่และมีมูลค่า เพชรพลอยมากมายที่บรรจุไว้ในเจดีย์หลายแห่ง คือนัยแห่งธรรมให้มนุษย์ปลดปล่อยความโลภหลงเพื่อลดละกิเลสอันเป็นสาเหตุแห่งทุกข์..นั้นจึงเป็นธรรมข้อหนึ่งที่เรียนรู้ได้จากการเยือนพม่า
สายการบินบางกอกแอร์เวย์ ให้บริการบินตรงเส้นทางบินกรุงเทพฯ-ย่างกุ้ง ทุกวันวันละ 3 เที่ยวเที่ยวแรกเวลา 09.15 น. รายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.bangkokair.com เที่ยวพม่าแบบเจาะลึกมีแพ็กเกจทัวร์ แบบพิเศษกับบางกอก แทรเวล คลับ (BTC) โทร. 0-2265-8966 เว็บไซต์ www.bangkoktravelclub.co.th
พงประไพ เสือเขียว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น