วันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

เมื่อสายหมอกโอบกอดขุนเขา ณ อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ

เมื่อสายหมอกโอบกอดขุนเขา ณ อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ


ทองผาภูมิ

ทองผาภูมิ



ทองผาภูมิ


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ ชานมชงเอง สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก chanomworld 

          หน้าหนาวเที่ยวไหนดี? คงเป็นคำถามสุดฮอตที่หลาย ๆ คนต้องการคำตอบ ก็แหม...เมื่อสายลมเย็น ๆ พัดผ่านมาสัมผัสผิวกาย แถมยังพอมีวันหยุดสุดสัปดาห์ให้ได้ออกไปโลดแล่นเติมพลังให้กับตัวเอง ใคร ๆ ก็อยากออกไปดื่มด่ำกับธรรมชาติที่งดงามของขุนเขาและสายหมอก หรือไปสูดอากาศบริสุทธิ์ให้ฉ่ำปอดกันทั้งนั้น
          เพราะฉะนั้น วันนี้กระปุกท่องเที่ยวเลยขอหยิบเอาอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวหน้าหนาว สำหรับนักเดินทางที่หลงรักทะเลหมอกกว้างไกลสุดสายตา นั่นก็คือ อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ผ่านบันทึกการเดินทางพร้อมภาพถ่ายสวย ๆ ฝีมือของ คุณ ชานมชงเอง สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม กันจ้า ^__^




          ปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ผมได้กลับไปอยู่เส้นทางที่คุ้นเคยอีกครั้ง เส้นทางที่เชื่อมตัวผมจาก อุทยานแห่งชาติศรีน่าน - ขุนสถาน จังหวัดน่าน กับ อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี คงเป็นเส้นทางเดียวกัน ผมยังจำได้ดีปีที่แล้วในเดือนเดียวกันผมก็ไปที่นี่ครั้งแรก เวลาวนกลับมาอีกที 365 วัน ผมก็เลือกที่จะกลับไปที่เดิมอีกครั้ง ทริปสั้น ๆ ในครั้งนี้ 2 วัน 1 คืน ด้วยระยะทาง 320 กิโลเมตร มันคงเป็นช่วงภูเขาปลายฝน และต้นหนาวของสายหมอก มันคือความสุขที่ผมหาได้เสมอกับสิ่งที่ผมรักมาตลอด และรักด้วยความรู้สึกดี ๆ ตลอดไป

          ดีใจที่ มีคนเข้ามาชมรีวิวนี้ และได้สร้างแรงบันดาลใจอะไรบางอย่างออกไป!!! เพราะอย่างน้อยมีคน 1 คน ที่ไม่ได้รู้สึกอะไรเลยกับคำว่าแรงบันดาลใจ แล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันจำเป็นต่อชีวิต แล้วอยู่ดี ๆ ผมก็รู้จักมัน แล้วมันก็เข้ามาทำงานอะไรในชีวิตผมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกที่ดี หรือทุกอย่างที่เรียกว่าความสุข

          ดีใจนะครับที่แรงบันดาลใจของ 1 คน ส่งต่อให้อีกใครก็ได้สัก 1 คน ในวันนี้ ทุกแรงบันดาลใจคืออะไรก็ได้ที่เรารู้สึกว่าใช่ แค่ต้อนรับมัน ให้มันเข้ามาทำงาน และเติบโตไปกับมัน

อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ

          ผมดูนาฬิกาทำให้รู้ว่าตอนนี้เพิ่งบ่ายโมงเศษ อากาศร้อนอบอ้าวในเขตป่าร้อนชื้น ทั้ง ๆ ที่ตอนเช้ามืดผมยังอยู่ด้านบน @ อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ และบนจุดชมวิวเนินช้างศึกอยู่เลย และทำให้ทริปการชมทะเลหมอกจบลงทันที ตั้งแต่ผมตัดสินใจขับรถลงมาจากเขา เพื่อมาหาที่พักริมเขื่อน

เขื่อนเขาแหลม

          ทะเลหมอกเมื่อเช้ายังติดตาอยู่เลย ภูเขา ต้นไม้สีเขียว สายหมอกสีขาว และอากาศเย็นสบาย แต่ตอนนี้ผมคงต้องนอนกลางวันก่อนนะครับ...ไม่ไหวรู้สึกเพลีย!!!

          รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนเย็น ปกติผมนอนกลางวันไม่ได้เลย ตื่นมาจะเพลียและมึนหัวมาก แต่ทริปนี้ขอสักหน่อย และยังพอมีเวลาผมเลยขับรถออกจากที่พักเพื่อไปชมวิวพระอาทิตย์ตกดิน นั้นก็คือ เขื่อนเขาแหลม หรือ เขื่อนวชิราลงกรณ์ นั้นเอง

เขื่อนเขาแหลม

          เขื่อนเขาแหลมกั้นลำน้ำแควน้อย เป็นเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำของการไฟฟ้าการผลิต เป็นเขื่อนขนาดใหญ่ลำดับที่ 4 ของประเทศไทย รองจากเขื่อนภูมิพล, เขื่อนศรีนครรินทร์ และเขื่อนสิริกิติ์

เขื่อนเขาแหลม

          แต่ผิดพลาดเล็กน้อยที่ช่วงนี้ภูเขาบดบังการมองเห็นของพระอาทิตย์ นอกจากได้ดูลิงสองตัว ดูสายน้ำในเขื่อน และได้ถ่ายรูปกันพอประมาณ ผมก็กลับมาที่พักที่เช็กอินไว้ตอนบ่าย ๆ ชื่อที่พักคือ แพวังอิงผา อยู่ริมเขื่อนเขาแหลม ผมตัดสินใจนอนแพในน้ำ แทนที่จะนอนบนริมเขื่อนด้านบน เพราะสักครั้งในชีวิต นอนลอยแพอยู่บนน้ำได้บรรยากาศดี ๆ

เขื่อนเขาแหลม

          ภาพที่เห็นเป็นภาพเดียวกัน หลายมุมมองหลายอารมณ์ บางคนมองแล้วรู้สึกเศร้า อีกคนกลับอบอุ่นใจ บางทีตอนนี้เราอาจคิดอีกแบบ แต่นั้นมันก็แค่ภาพวิวที่ตะวันกำลังลับขอบฟ้าไป

เขื่อนเขาแหลม

          นานแค่ไหนที่เรารู้ว่าพระอาทิตย์ขึ้นทุกวันในตอนเช้าและลาลับไปในตอนเย็น และนานแค่ไหนที่เราได้มาเฝ้าดูการจากไปของดวงตะวัน แสงที่คอยนำทาง และนานแค่ไหนที่เรารู้ว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นกับชีวิตของเราทุก ๆ วัน ตะวันกำลังจากกันไปไกล บางสิ่งบางอย่างกำลังเข้ามา

เขื่อนเขาแหลม

          ความมืดกำลังเริ่มต้นทำงาน ถ้าพรุ่งนี้ไม่มีอะไรให้ใครบางคนได้รออยู่ มีบางอย่างที่ต้องจากลากันไปจะทำอย่างไร

เขื่อนเขาแหลม

          เวลาที่กำลังผ่านไป อาจมีค่ามากกว่าการที่เราได้แค่หายใจสิ่งที่ผ่านมาในวันนี้ อาจจะดีที่สุดโดยไม่ต้องรอวันพรุ่งนี้

เขื่อนเขาแหลม

          แต่วันนี้ผมมีความสุขแบบเต็มที่ เพียงพอแล้วสำหรับบรรยากาศที่ผมรัก ถึงแม้ว่าจะรู้สึกแปลก ๆ ที่ต้องนอนอยู่บ้านพักที่ลอยบนผิวน้ำก็ตาม คืนนี้ยังไงก็ราตรีสวัสดิ์ ฝันดีนะครับพรุ่งนี้เช้าก็ได้เวลากลับบ้านแล้ว

เขื่อนเขาแหลม

          ถึงเวลาที่จะต้องกลับบ้านแล้ว ผมแพ็คของใส่กระเป๋าแล้วเริ่มต้นเดินทางจากทองผาภูมิมุ่งหน้ากลับบ้าน บรรยากาศฝนตกตลอดทาง เห็นสายหมอกตลอดสองข้างทาง กลับถึงบ้านก็ทำเหมือนเดิมทุกรอบ เอารถยนต์ไปเก็บ เก็บสัมภาระ ซักเสื้อผ้า เอารูปทั้งหมดที่เก็บมาจากที่นั้น โอนถ่ายลงคอมพิวเตอร์ อัพรูปหนึ่งใบ เป็นใบที่ผมคิดว่าสวยที่สุดลงในเพจ Chanomword ให้เพื่อนได้ชมกัน แล้วผมก็รู้สึกมีบางสิ่งบางอย่างหายไป ผมเล่าไม่จบ!!!

ทองผาภูมิ

          ไม่สิ เมื่อวานซืนผมยังทำงานอยู่เลย แต่พอหนึ่งทุ่มผมก็เริ่มต้นเดินทาง เป้าหมายคือขับรถรวดเดียวแล้วไปหาที่พักรายวันนอนที่ตัวเมืองทองผาภูมิ ที่ซึ่งเคยไปพักมาแล้ว  ค่าห้อง 400 บาท เพราะผมวางแผนจะขึ้นดอยตอนเช้ามืด

          ระหว่างการเดินทางช่วงสองทุ่มในคืนนั้นผมแวะเติมน้ำมัน และซื้อของกินเติมพลังกัน ฝนก็ตกปรอย ๆ แล้วแสงสปอร์ตไลท์ก็ส่องกระทบกับสายฝนและหยดน้ำ แล้วเสียงเพลงที่ฟังกี่ครั้งก็ชอบ "จากนี้ไปจนนิรันดร์" ก็ดังขึ้น (เป็นปั๊มที่เปิดเพลงให้ฟังด้วย ที่สำคัญเปิดเพลงดังมาก) แล้วผมก็เดินท่ามกลางสายฝนเบา ๆ แต่รู้สึกอิ่มใจอย่างบอกไม่ถูก ผมรู้สึกการเดินทางครั้งนี้จะต้องทำให้ผมมีความสุขแน่ ๆ แล้วผมก็มาจนถึงตัวเมืองทองผาภูมิ หาที่พักแล้วนอนตอนห้าทุ่มตามที่วางแผนไว้ แต่ก่อนถึงที่พักก็ซัดโอเด้งเส้นเล็กน้ำกันจนอิ่ม

ทองผาภูมิ

          ตีห้าก็ได้เวลาที่ผมออกเดินทางต่อไปยังจุดชมวิว กม. 12 ก่อนถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เป็นอีก 1 จุดชมวิวที่ไม่ควรพลาดเลย บรรยากาศยามเช้าที่จะได้ลุ้นกับการมาของทะเลหมอกสวย

ทองผาภูมิ

          จุดชมวิว กม. 12 นอกจากจะชมทะเลหมอกได้สวยงาม ยังมีพื้นที่กางเต็นท์ได้ด้วยครับ ผมสังเกตมีห้องน้ำ มีศาลาด้วย ไปพักได้เลยครับสะดวกและสะอาด และพอเริ่มสว่างขึ้นสายหมอกเริ่มก่อนตัว และค่อย ๆ ลอยละล่องขึ้นมา

ทองผาภูมิ

          มันอาจเป็นทะเลหมอกแบบเบา ๆ ไม่เยอะแบบปีที่แล้วที่ผมได้เห็น แต่มันก็ทำให้ผมมีความสุขกับการได้ใช้ชีวิตแบบบางเบาอีกครั้งหนึ่ง

ทองผาภูมิ

          จากจุดชมวิว กม. 12 ก็ขับรถหน้าตั้งกันไปอีกหน่อย จำไม่ได้ว่ากี่กิโลฯ 6 กิโลเมตร ได้มั้งก็มาถึงทางเข้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ปีที่แล้วก็เคยมาก็พอจำได้แล้ว

ทองผาภูมิ

          เสียค่าธรรมเนียมค่าเข้าชมอุทยานฯ ผมก็มุ่งหน้าไปที่จุดชมวิวก่อน ธรรมชาติที่นี่สมบูรณ์มาก ยังเขียวและสดชื่นอยู่เสมอ

ทองผาภูมิ

          แล้วก็ไม่เคยพลาด ยังไงก็ต้องได้เจอทะเลหมอก แหกขี้ตามาแต่เช้าขนาดนี้ มาน้อยมามากก็ขอให้มา ที่นี่ยังสวยเหมือนเดิม ทางเดินก็ยังลื่นเหมือนเดิม

ทองผาภูมิ

          นี่ไงครับจุดชมวิวกูดดอย จุดชมวิวที่เดินจากจุดจอดรถไม่ถึง 50 เมตร ก็มาถึง

ทองผาภูมิ

          เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเขื่อนเขาแหลมอยู่ตรงเบื้องหน้าได้เลยครับ

ทองผาภูมิ

          บรรยากาศปลายฝนมันดีแบบนี้จริง ๆ เลยนะครับ ฝนตกเยอะ สายหมอกก็เยอะ

ทองผาภูมิ

          เมื่อคืนช่วงที่ขับรถมาฝนตกตลอดทางเลย ตื่นมาตีสี่ฝนก็ยังตก ตอนนั้นคิดว่าซวยแล้วฝนตกแบบนี้จะไปมองเห็นอะไรได้ไง แต่พอตี 5 เวลาที่ผมขับรถออกจากโรงแรมที่ตัวเมืองทองผาภูมิ ฝนก็หยุดตกทันที มันคงรู้ว่าผมอยากจะเห็นอะไรแน่ ๆ

ทองผาภูมิ

          แม้วันนี้บนจุดชมวิวกูดดอยจะไม่ค่อยมีทะเลหมอกให้ผมเห็นเท่าไหร่ จำได้ว่าปีที่แล้วขึ้นเป็นแพเลย ขึ้นเยอะมากแบบว่าปูพรมมาเลยก็ว่าได้

ทองผาภูมิ

          แต่ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็ได้วิวภูเขาแบบเต็มตา ต้นไม้หนาแน่นมาก มันคงเป็นแหล่งผลิตน้ำจำนวนมหาศาลให้กับเขื่อนเขาแหลมนี่เอง

ทองผาภูมิ

          อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ครอบคลุมท้องที่อำเภอทองผาภูมิและอำเภอสังขละบุรี มีระดับความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 100 – 1249 เมตร

ทองผาภูมิ

          มีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นวิวภูเขาคือ เนินกูดดอย กับ เนินช้างเผือก แล้วก็มีนกอะไรไม่รู้ตัวโต ๆ กับบ้านทาร์ซานอีก  4 หลัง มีบ้านพักแบบปูนด้วย อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิมีที่พักทั้งในส่วนของจุดกางเต็นท์ และบ้านพักเป็นบ้านต้นไม้ (บ้านทาร์ซาน)จำนวน 2 หลัง นอกจากนี้ ยังมีร้านอาหารของอุทยานฯ คอยให้บริการ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ โทรศัพท์  08 1382 0359 (ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ และการเดินทาง คลิกที่นี่)

ทองผาภูมิ

          ผมอยู่ที่เนินกูดดอยสักพักหนึ่ง แล้วก็เดินลัดไปยังอีกจุดชมวิวหนึ่ง ระหว่างทางก็ได้เห็นสีสันของธรรมชาติที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน

ทองผาภูมิ

          เดินมายังไม่ทันหอบ แต่จะลื่นก้นกระแทกมากกว่า ผมก็มาถึงอีกหนึ่งจุดชมวิวที่สวยไม่แพ้กัน "เนินช้างเผือก" ไง

ทองผาภูมิ

          จุดชมวิวด้านนี้จะสามารถมองเห็นเขาช้างเผือกที่ใครหลายคนได้มีโอกาสขึ้นไป สัมผัส ด้านบนวิวมันจะเป็นยังไงนะ สักครั้งของชีวิตต้องไปให้ได้!

ทองผาภูมิ

          แต่วันนี้เอาเบา ๆ ก่อน แค่ตรงนี้ก็สวยมากแล้ว ทะเลหมอกมาแบบเบา ๆ

ทองผาภูมิ

          ถ้าอยู่ที่บ้านตอนนี้คงเพิ่งตื่นนอน การได้มายืนอยู่ตรงนี้ในบรรยากาศแบบนี้ เห็นภูเขาและสายหมอกแบบนี้ ทำให้รู้ว่าโลกใบนี้มันมีอะไรที่แตกต่างกันมากมาย

ทองผาภูมิ

          ที่หนึ่งรู้สึกแคบ ๆ มันคือโลกแห่งความเป็นจริงที่ผมอยู่ กรอบชีวิตเดิม ๆ น่าเบื่อและซ้ำ ๆ กันเหมือนเดิมทุกวัน แต่ตอนนี้สิ่งที่อยู่ต่อหน้าผม แม้จะเป็นภูเขาหม่น ไร้แสง สายหมอกก็ทึม ๆ แต่มันก็ทำให้ในหัวผมลืมช่วงที่หมดแรง ท้อแท้ และหมดหวังไปทันที ชีวิตที่มีเพียงคำว่าจุดหมาย แต่บางทีก็ยังหาปลายทางไม่เจอ เวลาหมุนและเวียนไปเรื่อย ๆ อาจมีใครหลายคนเดินตามไม่ทัน

ทองผาภูมิ

          และก่อนที่ท้องฟ้าจะเปิดให้เห็นอีกครั้ง หัวใจเต็มร้อยจะกลับมา หลายสิบครั้งที่ได้เคยทำพลาดไป มันต้องมีสักครั้งที่ทำได้

ทองผาภูมิ

          แม้ตอนนี้ท้องฟ้าจะปิด แต่ผมก็ได้เรียนรู้ว่าชีวิตเหมือนกับการเดินทาง อย่าหยุดที่จะเดินต่อ

ทองผาภูมิ

          แล้วผมก็เดินต่อมาเจอใบไม้สีแดงใบหนึ่ง ใบอะไรก็ไม่รู้ มันคงได้เวลาจากไป ถึงได้ร่วงมาจากต้นไม้ต้นหนึ่ง แล้วชีวิตคนเราเราจะเรียนรู้คำว่าจากลากันตอนไหน เราจะร่วงเหมือนกับใบไม้สีแดงที่ร่วงหล่นลงมาไหม?

ทองผาภูมิ

          และก่อนที่บางอย่างจะจากไป ผมคงต้องทำเวลาเต็มที่แล้ว มุ่งหน้าไปยังอีกจุดชมวิวหนึ่ง "เนินช้างศึก"

ทองผาภูมิ

          เนินช้างศึก เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,053 เมตร เป็นอีกจุดชมวิวที่สวยมาก เป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ของฝั่งไทยและฝั่งพม่าที่สวยงามทั้งชมพระอาทิทย์ตกที่ สวยงาม สามารถมองเห็นหมู่บ้านอีต่องด้านล่างได้อย่างชัดเจน และในช่วงที่ทัศนวิสัยดีสามารถมองเห็นทะเลอันดามัน ฝั่งประเทศพม่าได้

ทองผาภูมิ

          ฐานช้างศึก หรือบางคนเรียก ยอดดอยปิล็อก บ้างก็เรียก ต่องปะแล เป็นฐาน ตชด. บริเวณจุดชมวิวเขาสูง (เนินช้างศึก) เป็นจุดยุทธศาสตร์จุดหนึ่งของชายแดนไทย-พม่า เป็นฐานที่มั่นของตำรวจตระเวนชายแดนที่ 135 (ฐานช้างศึก)

ทองผาภูมิ

          ฐานที่มั่นของตำรวจตระเวนชายแดนที่ 135 (ฐานช้างศึก) นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเที่ยวชมวิว โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายครับ

ทองผาภูมิ

          ผมขับรถจากที่ตั้งอุทยานฯ มาถึงจุดชมวิวเนินช้างศึกก็ประมาณ 8 โมงเช้า ทำเวลาได้ดีมาก ขับรถมาถึงก็เห็นทะเลหมอกแบบนี้เลยครับ แต่ฟ้าปิดมาก

ทองผาภูมิ

          พอลงรถก็รีบลงมาเลย วิวทะเลหมอกสวยมากรอบฐานปฏิบัติการเนินช้างศึกเลย วิวทะเลหมอก 360 องศา กับอากาศที่หนาวมาก ลมก็พัดแรง

ทองผาภูมิ

          ต่อให้พัดแรงแค่ไหนก็เอาไม่อยู่แล้ว ภูเขาเป็นภูเขา ทะเลหมอกเป็นทะเลหมอก

ทองผาภูมิ

          สายหมอกเริ่มฟุ้ง บังหมู่บ้านอิต่องซะมิดเลย นี่สิของแท้เมืองในหมอก

ทองผาภูมิ

          ไม่รู้จะพูดยังไง ไม่รู้จะอธิบายว่าอะไร แต่ผมมีความสุขมาก

ทองผาภูมิ

          พอพูดถึงความสุข เคยถามตัวเองไหมว่าความสุขอยู่ที่ไหน ถ้าเป็นตอนนั้นผมก็ตอบว่าตอนนี้แหละ ตอนที่ได้เห็นสายหมอกสีขาว

ทองผาภูมิ

          สายหมอกที่เป็นของพิเศษ สำหรับทุกการเดินทางที่พิเศษของผม หลายคนอาจจะรู้สึกว่าพระอาทิตย์ขึ้นในช่วงเช้าคือความหมายของการเริ่มต้นวัน ใหม่ แต่สำหรับผม ทะเลหมอกสีขาวต่างหากที่กำลังบอกเช้าวันใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

ทองผาภูมิ

          เวลาที่ผมได้เห็นทะเลหมอกสีขาว ผมรู้สึกยังไงหรือ ผมรู้สึกถึงเวลาของความผูกพันและความทรงจำที่ดี ๆ มากมายที่ผ่านเข้ามา

ทองผาภูมิ

          ทะเลหมอกแห่งความผูกพัน ที่ทำให้การเดินทางในแต่ละครั้งเต็มไปด้วยความสุข

ทองผาภูมิ

          สายหมอกแห่งความทรงจำ ทำให้รู้ว่าความสุขมากจากการได้ใช้เวลาแบบไหน

ทองผาภูมิ

          ทะเลหมอกที่นี่มองไปไกลจนสุดขอบฟ้า มันจะไปไกลถึงห้วยน้ำดัง วันนั้นวันที่ผมไปแล้วไม่เจอทะเลหมอกไหมนะ

ทองผาภูมิ

          ถ้าเอากล้องส่องทางไกลมองไปถึงจังหวัดเพชรบูรณ์ ไม่รู้ว่าตอนนี้ที่เขาค้อจะมีทะเลหมอกเหมือนที่นี่ไหม

ทองผาภูมิ

          มองตรงนี้ดี ๆ บางทีก็นึกถึงดอยผาตั้ง วันนี้คนจะไปลุยดอยที่นั้นเยอะไหม ทะเลหมอกจะสวยแค่ไหนนะ

ทองผาภูมิ

          แล้วถ้าต้องให้เดินดูที่ทุ่งกระเจียวไทรทอง ไปกลับสิบกว่ากิโลเมตร ก็ต้องคิดอีกรอบว่าไหวไหม

ทองผาภูมิ

          แล้วไอ้น้องหมาตัวนี้ มันจะเป็นมิตรเหมือนกับตัวที่ผมเจอที่อุทยานแห่งชาติขุนสถานไหม

ทองผาภูมิ

          แล้วถ้าวันนี้ผมไม่ได้มาที่นี่ แต่ตัดสินใจไปภูทับเบิกผมจะเจอทะเลหมอกแบบนี้ไหม

ทองผาภูมิ

          หรือบางทีผมอาจต้องขับรถไกล แบบไกลมาก 900 กิโลเมตร เพื่อจะไปชมทะเลหมอกที่ภูชี้ฟ้า ทะเลหมอกที่ยิ่งใหญ่เท่าที่เคยเห็นมา

ทองผาภูมิ

          ความทรงจำในการเดินทางของผม ถูกบันทึกด้วยสายหมอกนี่เอง ทำให้ผมไม่เคยลืมเส้นทางแห่งความสุขในแต่ละที่ ที่ได้มีโอกาสไป ผมนึกถึงหลาย ๆ ที่ที่ผมได้มีโอกาสไปมา ความสุขมันคือการได้มีเวลาพัก พักแล้วหายเหนื่อย ให้ชีวิตได้เรียนรู้ว่าควรทำอะไรในวันต่อไป

ทองผาภูมิ

          ปีที่แล้วผมมาที่ทองผาภูมิ ทะเลหมอกเยอะมาก เลยคาดหวังกับทริปนี้ เพราะถ้ามารอบสองแล้วไม่ได้เห็นมัน  มันเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง ทะเลหมอกมันเหมือนเครื่องปรุงที่ให้รสชาติ การท่องเที่ยวที่ทองผาภูมิอร่อยขึ้น

ทองผาภูมิ

          แล้ววันนี้ทะเลหมอกที่ทองผาภูมิ ก็ทำให้ผมรู้สึกอิ่ม ประมาณว่าทานข้าวไปสามจานเลย

ทองผาภูมิ

          และถ้ามันคือรางวัลของคนที่รักทองผาภูมิ ผมคงได้รับรางวัลจากมันแล้วสินะ อยากเอารางวัลนี้ไปฝากให้ใครตั้งหลายคน ที่ยังไม่เคยมาที่แห่งนี้

ทองผาภูมิ

          ทองผาภูมิ...เมืองของของขุนเขาและสายหมอก กับความสุข 360 องศา

ทองผาภูมิ

          ผมอยากเอาความภูมิใจของทองผาภูมิกลับไปฝากคนที่ผมรักทุกคน แล้วผมก็เชื่อว่ามันต้องเป็นของฝากที่ทำให้คนได้รับมีความสุข และรู้สึกรักมันเหมือนกับผม และคงทำให้คนที่ได้รับของฝากจากผมรักที่นี่ หวงแหนที่นี่ รักป่า รักภูเขาแบบที่ผมรัก และช่วยกันให้มันอยู่แบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ นาน ๆ อีกสิบปีหรือร้อยปี

ทองผาภูมิ

          และธรรมชาติที่นี่กำลังเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ห้าเดือนต่อจากนี้ สีเขียวกำลังจะกลายเป็นสีเหลืองน้ำตาล ความชื้นกำลังหายไป

ทองผาภูมิ

          แต่ผมจะกลับมา กลับมาทำให้รู้ว่าผมรักทองผาภูมิแค่ไหน และภูมิใจกับที่นี่เพียงใด

ทองผาภูมิ

          มันคงไม่มีคำว่าสัญญาแต่มันคงเป็นความรัก เหมือน เพลงถ้าพรุ่งนี้ฉันทำไม่ได้ ของ POTATO

ทองผาภูมิ

          เพลงจบแล้วแต่ความรู้สึกยังไม่จบ ทำไมเลือกเพลงนี้ ผมตอบไม่ได้เหมือนกัน แต่รู้ว่าฟังแล้วมีความสุข

ทองผาภูมิ

          ตอนนี้เช้าวันจันทร์ที่ 12 พฤศจิกายน ผมมองออกไปนอกร้านฟ้ามืด กับช่วงบรรยากาศปลายฝนต้นหนาว ฝนทำท่าเหมือนกำลังจะตก

ทองผาภูมิ

          ปลายฝนต้นหนาวอดคิดถึงภูเขาปลายฝน และสายหมอกต้นหนาวไม่ได้

ทองผาภูมิ

          สายฝนที่ทำให้ทุกสิ่งมีชีวิตชีวา สายหมอกที่ทำให้ทุกอย่างมีเรื่องราว

ทองผาภูมิ

          ผมกำลังนึกว่าถ้าผมอยู่ที่หมู่บ้านอิต่องคงได้มีเรื่องเล่าของสายหมอกทุกวัน

ทองผาภูมิ

          เรื่องเล่าที่จะเล่าต่อกันไปแบบไม่มีวันจบของความสวยงามของขุนเขา และเรื่องเล่าที่ไม่มีวันจบของความสุขของสายหมอก ที่ล้อคลื่นกับขุนเขา มันคงเป็นเพื่อนกันแบบไม่คิดจะเลิกคบกัน และรู้สึกดีกันตลอดไป

ทองผาภูมิ

          ยิ่งนานวันผมก็ยิ่งหลงรักภูเขา หลงรักสายหมอกแบบลืมตัวไม่ขึ้น

ทองผาภูมิ

          และยิ่งทำให้รู้สึกต้องค้นหา ตามหา และหาข้อมูลกับขุนเขาอีกนับร้อยที่ยังไม่เคยไป ให้รู้ว่าแผ่นดินไทยยิ่งใหญ่และสวยงามแค่ไหน

ทองผาภูมิ

          และมันคงเป็นความสวยงามที่จะอยู่ไปอีกนานแสนนาน ไปจนถึงรุ่นไหนต่อรุ่นไหน มันก็จะเป็นแบบนี้ตลอดไป

ทองผาภูมิ

          ผมใช้เวลาแบบสบายบนจุดชมวิวเนินช้างศึก ชื่อดูน่ากลัวแต่มันสวยงามจับใจ

ทองผาภูมิ

          หันมาอีกรอบได้ยินเสียงเคี้ยวขนมกันแล้ว มาตั้งนานไม่ได้กินอะไรคงหิวแล้วสินะ แล้วผมก็คว้าขนมขบเคี้ยวมากินฆ่าเวลา พร้อม ๆ กับดูการเปลี่ยนแปลงของสายหมอก

ทองผาภูมิ

          ไม่ว่าการเริ่มต้นที่เราทุกคนได้มาพบเจอกัน จะพบเจอด้วยเหตุใดก็ตาม สุดท้ายสิ่งที่ต้องพบเจอเหมือน ๆ กันหมดทุก ๆ คน คือ การจากลา

ทองผาภูมิ

          เราคงได้ผ่านการเรียนรู้การจากลามาตั้งแต่เด็ก ๆ จนถึงตอนนี้ อาจมีทั้งการจากลาแบบชั่วคราวที่ยังไงก็ได้กลับมาเจอกันอีก แต่บางทีก็เป็นการจากลาแบบไม่ได้มีโอกาสมาเจอกันอีกตลอดไป เหมือนกับใบไม้สีแดงใบนั้นที่กำลังรอวันเน่าสลายตัว

ทองผาภูมิ

          แม้กระทั้งความรู้สึก ความทรงจำที่เคยผ่านมาหรือกำลังผ่านไป ก็คงกำลังเข้าสู่กระบวนการเหมือนกับใบไม้สีแดงใบนั้น

ทองผาภูมิ

          และเรื่องราวการเดินทางของทองผาภูมิก็คงเป็นเหมือนอีกหนึ่งเรื่องราว ที่บางทีอาจกำลังเข้าสู่กระบวนการแบบใบไม้สีแดงใบนั้น เมื่อเวลาผ่านไป ดังนั้น ปีหน้าผมจะกลับไปอีกครั้ง กลับไปดูความสุขและความทรงจำดี ๆ ที่เคยผ่านมาและผ่านไป กลับไปดูภูเขาปลายฝน และกลับไปเฝ้าดูสายหมอกต้นหนาว และไม่แน่ผมอาจจะได้เจอใบไม้สีแดงใบนั้นอีกก็ได้

          ::::สวัสดีครับ:::: Chanomworld* world of our own :: Days of Our Lives | World Of Wonder

ทองผาภูมิ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น