วันพฤหัสบดี ที่ 04 ตุลาคม พ.ศ. 2555, 21.03 น.
วันที่ 4 ตุลาคม นายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี ได้ส่งหนังสือตอบ
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้
(ศอ.บต.) ชี้แจงกรณีการทำงานในวันศุกร์ของมุสลิม
เพื่อให้เกิดความกระจ่างและความเข้าใจที่ถูกต้องต่อมุสลิมและประชาชนทั่วไป
ภายหลังจากที่
ศอ.บต.ได้ทำหนังสือด่วนสอบถามกรณีเกิดกระแสข่มขู่ที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้
ห้ามประชาชนทำงานหรือเปิดร้านขายของในวันศุกร์ จนทำให้วันศุกร์ที่ผ่านมา
(28 ก.ย.2555)
ประชาชนในพื้นที่ไม่กล้าประกอบอาชีพค้าขายเพราะเกรงจะไม่ปลอดภัย
โดยหนังสือของจุฬาราชมนตรีมีความยาว 3 หน้ากระดาษ สรุปว่า
การทำงานในวันศุกร์มิได้ขัดแย้งกับหลักศาสนาอิสลาม
เพราะการทำงานเพื่อให้ได้มาซึ่งปัจจัยยังชีพเป็นสิ่งที่อิสลามให้ความสำคัญ
เป็นอย่างสูง
เนื่องจากการดำรงชีพโดยมุ่งสู่เป้าหมายที่องค์อัลลอฮ์พระผู้เป็นเจ้าทรง
กำหนดนั้น เพื่อให้สามารถดำรงชีพได้โดยไม่เป็นภาระต่อผู้อื่น
และสามารถทำหน้าที่เพื่ออัลลอฮ์ได้โดยไม่ตกอยู่ใต้อิทธิพลของผู้ใด
ผู้ทำงานด้วยน้ำพักน้ำแรงเพื่อเลี้ยงชีพตนเองและครอบครัวด้วยอาชีพสุจริตจึง
เป็นผู้ประเสริฐ
"เมื่อคนเราต้องบริโภคทุกวัน อิสลามจึงไม่ห้ามที่จะทำงานทุกวัน
แม้วันนั้นจะเป็นวันศุกร์ ซึ่งถือเป็นวันสำคัญประจำสัปดาห์ก็ตาม
สิ่งที่อิสลามบัญญัติก็คือบุคคลต้องไม่ให้ความสำคัญแก่การทำงานหารายได้
มากกว่าการประกอบพิธีละหมาดญุมอะฮ์ (ละหมาดวันศุกร์)
ถวายเป็นอิบาดะห์ต่ออัลลอฮ์พระผู้เป็นเจ้า" หนังสือของนายอาศิสระบุตอนหนึ่ง
ภายในหลังสือดังกล่าว จุฬาราชมนตรียังได้ยกพระดำรัสแห่งอัลลอฮ์ ซูรอฮ์
(โองการ) อัลญุมุอะฮ์ อายะฮ์ที่ 9-10 ความว่า "ดูกรผู้มีศรัทธาทั้งหลาย
เมื่อเสียงเรียกร้องสู่การละหมาดดังขึ้นในวันศุกร์
พวกเจ้าก็จงรีบเร่งไปสู่การรำลึกถึงอัลลอฮ์เถิด และจงยุติการซื้อขายเสีย
นั่นเป็นสิ่งที่ดีสำหรับพวกเจ้า หากพวกเจ้ารู้” และ
"ครั้นเมื่อการประกอบพิธีละหมาดเสร็จสิ้นลง
พวกเจ้าก็จงกระจายไปในแผ่นดินเถิด จงแสวงหาคุณูปการแห่งอัลลอฮ์
(ทำงานหารายได้) และจงรำลึกถึงพระองค์ให้มาก
เพื่อพวกเจ้าจะได้พบกับความสำเร็จ"
หนังสือของจุฬาราชมนตรี ยังระบุอีกว่า ฉะนั้นแม้จะเป็นวันศุกร์
แต่อัลลอฮ์ก็ยังส่งเสริมให้ทำงานเพื่อแสวงหาคุณูปการที่พระองค์ทรงสร้างไว้
ให้ สิ่งที่ผู้ทำงานทุกคนต้องรำลึกอยู่เสมอก็คือ
เมื่อได้ยินเสียงอะซานเรียกร้องสู่การละหมาด งานทุกอย่างต้องยุติลง
และบุคคลต้องเตรียมตัวไปละหมาดอย่างรีบเร่ง
ครั้นเมื่อละหมาดเสร็จสิ้นแล้วก็รีบไปทำงานต่อ
โดยมีจิตรำลึกอยู่เสมอว่าโภคปัจจัยที่ได้มาล้วนเป็นคุณูปการแห่งอัลลอฮ์ทั้ง
สิ้น
"ดังนั้นการข่มขู่ให้สุจริตชนหยุดทำงานในวันศุกร์
นับเป็นการกระทำที่ละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น
เป็นการแอบอ้างศาสนาอิสลามเพื่อผลประโยชน์ของตนอย่างมิชอบ
และเป็นการกระทำที่อยู่นอกกรอบแนวทางของอัลลอฮ์อย่างสิ้นเชิง"
หนังสือสรุปในตอนท้าย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น