วันจันทร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ตามไปเที่ยว 10 อุทยานแห่งชาติสุดฮิต ปี 2555

ตามไปเที่ยว 10 อุทยานแห่งชาติสุดฮิต ปี 2555

อุทยานแห่งชาติ

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก park.dnp.go.th และ คู่หูเดินทาง

          หลังจากที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ออกมาเปิดเผยผลการจัดเก็บรายได้จากการเข้าชมอุทยานแห่งชาติของนักท่องเที่ยว ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2554 - เดือนสิงหาคม 2555 ที่มีนักท่องเที่ยวเข้าชมมากที่สุดนั้น วันนี้กระปุกท่องเที่ยวจะพาเพื่อน ๆ ตามไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติยอดนิยมทั้ง 10 แห่ง กันจ้า โดยเริ่มที่...

อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

อันดับที่ 1. อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เก็บค่าเข้าชมอุทยานได้ 54.2 ล้านบาท

          อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ นับเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไทย และได้รับสมญานามว่าเป็น อุทยานมรดกของกลุ่มประเทศอาเซียน ตลอดจนเป็นที่ยอมรับทั่วไปว่าเป็นอุทยานแห่งชาติที่สำคัญของโลก มีอาณาเขตครอบคลุม 11 อำเภอ ของ 4 จังหวัด คือ จังหวัดสระบุรี จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดปราจีนบุรี และจังหวัดนครนายก ซึ่งมีลักษณะภูมิประเทศประกอบด้วยเทือกเขาสลับซับซ้อน โดยมี เขาร่ม เป็นยอดเขาสูง 1,351 เมตร จากระดับน้ำทะเล อีกทั้งยังมีอากาศไม่ร้อนจัดหรือหนาวจัดจนเกินไป เหมาะแก่การท่องเที่ยวและประกอบกิจกรรมนันทนาการชนิดต่าง ๆ

          สำหรับแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ได้แก่ ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ สร้างขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ. 2505 ตั้งอยู่กิโลเมตรที่ 24 ถนนธนะรัชต์ เส้นทางขึ้นเขาใหญ่ด้านอำเภอปากช่อง นักท่องเที่ยวที่ผ่านเข้ามักแวะไปกราบไหว้ ขอโชคลาภและขอพรอยู่เสมอ, น้ำตกเหวนรก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ อยู่ทางทิศใต้ของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มี 3 ชั้น ชั้นแรกสูงประมาณ 60 เมตร น้ำจะไหลผ่านหน้าผาชั้นนี้พุ่งลงสู่ชั้นที่ 2 และ 3 ที่อยู่ถัดลงไปใกล้ ๆ กันทางแนวดิ่ง 90 องศา สูงไม่ต่ำกว่า 150 เมตร, น้ำตกผากล้วยไม้ เป็นน้ำตกขนาดกลางที่อยู่ในห้วยลำตะคอง มีลักษณะเป็นหน้าผาลดหลั่นกันลงมา สูงประมาณ 10 เมตร อยู่ห่างจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเขาใหญ่ ประมาณ 7 กิโลเมตร สามารถเข้าถึงได้โดยทางรถยนต์และทางเดินเท้า

          แก่งหินเพิง เป็นแก่งหินขนาดใหญ่กลางแม่น้ำใสใหญ่ในเขตอำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งแก่งหินเพิงจะสวยงามมากที่สุดในยามน้ำหลาก ฤดูฝนจึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดสำหรับการท่องเที่ยว และมีนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบความตื่นเต้นเร้าใจ นิยมล่องแก่งแพยางจากแก่งหินเพิงลงมายังหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ขญ.9 อีกด้วย, จุดชมทิวทัศน์ กม.30 ถนนธนะรัชต์ สามารถชมทิวทัศน์ด้านทิศเหนือของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ได้เป็นบริเวณกว้าง และสวยงาม, จุดชมทิวทัศน์เขาเขียว (ผาเดียวดาย) นับเป็นจุดชมทิวทัศน์ที่สวยงามน่าชม มีลักษณะคล้ายผานกเค้า ที่ภูกระดึง จะมองเห็นภูเขาร่มขวางอยู่เป็นแนวยาว และทิวทัศน์ที่สวยงามด้านจังหวัดปราจีนบุรี ตอนเช้าตรู่จะเห็นพระอาทิตย์ขึ้นเป็นดวงกลมสีแดงเหนือสันเขาร่มที่สวยงาม อีกทั้งเส้นทางถึงยอดเขาเขียวมีระยะทางประมาณ 14 กิโลเมตร บริเวณช่วงกิโลเมตรที่ 9 มีเส้นทางลงสู่จุดชมทิวทัศน์ผาเดียวดาย ผ่านป่าดิบเขาที่ชุ่มชื้นและอากาศเย็นตลอดปี ตามต้นไม้และโขดหินมีมอสและตะไคร่ขึ้นปกคลุมอยู่ทั่วไป

          น้ำตกกองแก้ว เป็นน้ำตกเตี้ย ๆ ที่เกิดจากห้วยลำตะคอง ในฤดูฝนจะดูสวยงามมากเหมาะสำหรับการเล่นน้ำ ใกล้บริเวณน้ำตกจะมีสะพานแขวนลำห้วยถึง 2 สะพาน ห้วยลำตะคอง เป็นแนวแบ่งเขต 2 จังหวัด คือ จังหวัดนครนายกและจังหวัดนครราชสีมา, น้ำตกเหวสุวัต เป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงมาก เป็นที่รู้จักของประชาชนทั่ว ๆ ไป อยู่สุดถนนธนะรัชต์ หรือจะเดินเท้าต่อจากน้ำตกผากล้วยไม้ไปก็ได้ ประมาณ 3 กิโลเมตร น้ำตกนี้มีลักษณะเป็นสายน้ำตกลงมาจากหน้าผาสูงประมาณ 20 เมตรเศษ บริเวณด้านล่างของน้ำตกเป็นแอ่งน้ำและลำธารเหมาะที่จะลงเล่นน้ำ แต่สำหรับฤดูฝนน้ำจะมากและไหลแรงน้ำ อีกทั้งค่อนข้างเย็นจัด

          น้ำตกเหวประทุน เป็นน้ำตกที่อยู่ในห้วยลำตะคอง สามารถเดินทางจากน้ำตกเหวสุวัตไปก็ได้ หรือจะเดินจากบริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเขาใหญ่ไปก็ได้ เดินตามเส้นทางเดินเท้าเส้นกองแก้ว-เหวสุวัต ระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร ตามเส้นทางสามารถพบร่องรอยของสัตว์ป่าได้ง่าย, น้ำตกส้มป่อย เป็นน้ำตกขนาดเล็กที่สวยงาม อยู่ใกล้กับหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ที่ ขญ.10 (ประจันตคาม) เหมาะสำหรับพักผ่อนเล่นน้ำ, น้ำตกผามะนาวยักษ์ เป็นน้ำตกขนาดกลาง ลักษณะไหลลาดไปตามผาหินที่สูงชัน เหมาะสำหรับผู้ชอบผจญภัยค้างแรมในป่า และ น้ำตกสาริกา ตั้งอยู่ที่ตำบลสาริกา อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่สายน้ำไหลตกจากหน้าผาเป็นทอด ๆ ถึง 9 ชั้น แต่ละชั้นมีอ่างรับน้ำขนาดย่อม เหมาะแก่การลงเล่นน้ำ เพราะมีน้ำไหลเกือบตลอดปี และในฤดูฝนจะมีปริมาณน้ำมาก

          ทั้งนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ตู้ปณ. 9 ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา 30130 โทรศัพท์ 08 6092 6527, 08 6092 6529, 08 6092 6531 โทรสาร 0 3735 6037 และอีเมล khaoyai_np@dnp.go.th

อุทยานแห่งชาติเอราวัณ

อันดับที่ 2. อุทยานแห่งชาติเอราวัณ เก็บค่าเข้าชมอุทยานได้ 43.8 ล้านบาท

          อุทยานแห่งชาติเอราวัณ ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี นับเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 12 ของประเทศ มีลักษณะพื้นที่เป็นภูเขาสูงชันสลับกับพื้นที่ราบ โดยภูเขาส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาหินปูน ประกอบด้วยเทือกเขาที่สำคัญคือ เขาหนองพุก เขาปลายดินสอ เขาหมอเฒ่า เขาช่องปูน เขาพุรางริน และเขาเกราะแกระ ซึ่งเป็นยอดเขาสูงสุดประมาณ 996 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ในส่วนของสภาพภูมิอากาศนั้น อุทยานแห่งชาติเอราวัณอยู่ในพื้นที่เขตเงาฝน ทำให้มีปริมาณฝนตกไม่มากนัก และอากาศค่อนข้างร้อน ลักษณะอากาศดังกล่าวจึงไม่เป็นปัญหาต่อการเที่ยวชม ทำให้สามารถไปเที่ยวได้ทุกฤดู

          สำหรับแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ได้แก่ น้ำตกเอราวัณ เป็นน้ำตกหินปูนที่มีความสวยงาม และมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของจังหวัดกาญจนบุรี มีระยะทางยาวประมาณ 2,200 เมตร แบ่งออกเป็นชั้น ๆ ได้ 7 ชั้น ซึ่งแต่ละชั้นมีความสวยงามแตกต่างกันไป และมีชื่อของแต่ละชั้น ได้แก่ ชั้นที่ 1 ไหลคืนรัง ชั้นที่ 2 วังมัจฉา ชั้นที่ 3 ผาน้ำตก ชั้นที่ 4 อกนางผีเสื้อ ชั้นที่ 5 เบื่อไม่ลง ชั้นที่ 6 ดงพฤกษา และชั้นที่ 7 ภูผาเอราวัณ ซึ่งเป็นชั้นบนสุด เมื่อน้ำตกไหลบ่าจะมีลักษณะคล้ายช้างสามเศียรหรือที่เรียกว่า "ช้างเอราวัณ" จึงเป็นที่มาของ "อุทยานแห่งชาติเอราวัณ" และน้ำในลำธารเปล่งประกายเป็นสีเขียวมรกตด้วย, ถ้ำพระธาตุ อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติเอราวัณ ประมาณ 12 กิโลเมตร เป็นถ้ำมืดขนาดใหญ่ พื้นถ้ำเรียบ มีความยาวประมาณ 200 เมตร มีหินงอกและหินย้อยรูปร่างสวยงามแปลกตา จุดเด่นของถ้ำพระธาตุ คือ หินส่วนใหญ่จะโปร่งแสง และมีหินทรายรูปร่างคล้ายพระธาตุ นอกจากนี้ ยังมีเสาเอก เสาโท อยู่ภายในถ้ำอีกด้วย

          ถ้ำตาด้วง ตั้งอยู่หน้าผาเชิงเขา มีปากทางเข้าไม่ใหญ่ ต้องคุกเข่าคลานเข้าไป เป็นถ้ำที่ปิดทึบไม่มีทางออก ปัจจุบันเป็นที่อยู่ของค้างคาวปีกถุงเคราดำ และจุดเด่นที่น่าสนใจ คือ ภาพเขียนโบราณที่อยู่บริเวณหน้าปากถ้ำ เป็นภาพเขียนสีแดง รูปร่างคล้ายขบวนแห่ลักษณะเป็นรูปคนและต้นไม้ อายุประมาณ 3,000 ปี นอกจากนี้ ยังพบเศษเครื่องใช้สมัยโบราณยุคหินใหม่ เช่น เศษถ้วย ไห เป็นต้น บริเวณปากถ้ำสามารถชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามด้านหน้าได้ ซึ่งถ้าต้องการเข้าชมต้องติดเจ้าหน้าที่, ถ้ำวังบาดาล เป็นถ้ำหินปูนขนาดใหญ่ ปากทางเข้าเป็นห้องเล็ก ๆ มีหลายห้อง ห้องชั้นล่างมีน้ำไหลผ่านและมีสัตว์น้ำอาศัยอยู่ด้วย นอกจากนี้ แต่ละห้องยังมีหินงอกหินย้อยที่มีความวิจิตรงดงาม

          ถ้ำหมี เป็นถ้ำขนาดใหญ่มีอากาศถ่ายเทพอควร จากคำบอกเล่าของชาวบ้านว่า ในอดีตถ้ำนี้เป็นที่อยู่ของหมี ทำให้เรียกกันต่อ ๆ มาว่า ถ้ำหมี ภายในถ้ำแบ่งเป็นห้องลดหลั่นเป็นชั้น ๆ ได้ 5 ห้อง แต่ละห้องจะปรากฏรูปร่างและสีแปลกตา มีหินงอกหินย้อยตามผนังถ้ำสวยงามพอสมควร, ถ้ำเรือ เป็นถ้ำที่มีความลึกประมาณ 40-50 เมตร ไม่มีหินงอกหรือหินย้อย แต่จุดเด่นอยู่ที่มีภาชนะที่ใช้รองน้ำสมัยโบราณวางอยู่ ภาชนะนั้นทำจากไม้ทั้งต้นมาเจาะให้มีลักษณะคล้ายเรือ ส่วนหัวได้ตกแต่งเป็นรูปหัวคน มีตา จมูก และหู 2 ข้าง ซึ่งจะช่วยค้ำไม่ให้พลิกเอียง ปัจจุบันสภาพของภาชนะนั้นแตกหักเหลือที่สมบูรณ์เพียงไม่กี่อัน และมีมูลค้างคาวตกปกคลุมเป็นส่วนใหญ่

          เส้นทางศึกษาธรรมชาติเขาหินล้านปี เป็นเส้นทางเดินเท้ายาวประมาณ 1,940 เมตร เริ่มต้นจากลานจอดรถไปบรรจบกับเส้นทางในน้ำตกบริเวณสะพานน้ำตกชั้นที่ 4 ใช้เวลาเดินประมาณ 2 ชั่วโมง ตลอดเส้นทางจะปรากฏความหลากหลายของสังคมพืช และในเส้นทางนี้จะมีจุดชมวิวที่สวยงามหลายจุด สามารถมองเห็นน้ำตกเอราวัณชั้นที่ 7 (หัวช้างเอราวัณ) ในฤดูน้ำหลากได้ชัดเจนที่สุด ดังนั้น เส้นทางนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความท้าทาย และจะต้องมีสภาพร่างกายที่แข็งแรงพอสมควร

          ทั้งนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติเอราวัณ หมู่ 4 ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี 71250 โทรศัพท์ 0 3457 4222, 0 3457 4234, 08 1914 8791 โทรสาร 0 3457 4288 และอีเมล erawan_np@dnp.go.th

อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์

อันดับที่ 3. อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เก็บค่าเข้าชมอุทยานได้ 30.4 ล้านบาท

          อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ประกาศเป็นอุทยานฯ เมื่อ พ.ศ. 2515 นับเป็นลำดับที่ 6 ของประเทศไทย  ครอบคลุมพื้นที่ในเขตอำเภอจอมทอง อำเภอแม่แจ่ม อำเภอแม่วาง และกิ่งอำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทย สภาพภูมิประเทศประกอบด้วยภูเขาสูงสลับซับซ้อน โดยจุดสูงสุดอยู่ที่ยอดดอยอินทนนท์ ซึ่งเป็นจุดที่สูงสุดในประเทศไทย ส่วนสภาพภูมิอากาศโดยทั่วไปจะมีสภาพที่ชุ่มชื้นและหนาวเย็นตลอดปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณยอดดอยอินทนนท์ ซึ่งมีลักษณะเป็นสันเขาและยอดเขา จะมีกระแสลมที่พัดแรงและมีสภาพอากาศที่หนาวเย็นมาก

          สำหรับแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ได้แก่ ยอดดอยอินทนนท์ ซึ่งมีผืนป่าดิบดึกดำบรรพ์อันกว้างใหญ่สมบูรณ์ปกคลุม สามารถพบเห็นกล้วยไม้และพันธุ์ไม้ป่าที่สวยงามและหายากยิ่ง อีกทั้งยังเป็นที่ประดิษฐานกู่พระอัฐิของพระเจ้าอินทวิชานนท์ ผู้ครองเชียงใหม่องค์ที่ 7 และเป็นที่ตั้งของสถานีเรดาร์ของกองทัพอากาศไทย ไม่ว่าฤดูกาลใดอากาศเย็นตลอดปี ราว 5 - 18 องศาเซลเซียส, พระมหาธาตุเจดีย์ฯ เป็นพระธาตุที่ทางกองทัพอากาศร่วมกับพสกนิกรชาวไทยทั่วประเทศ ร่วมใจสร้างถวายแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเจริญชนมพรรษา ครบ 60 พรรษา และเทิดพระเกียรติแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในมหามงคลสมัยที่ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ โดยรอบบริเวณพระมหาธาตุเจดีย์ทั้ง 2 องค์ สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของดอยอินทนนท์โดยรอบได้อย่างชัดเจน

          สถานีวิจัยเกษตรหลวงอินทนนท์ เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลความรู้ด้านการเกษตรบนพื้นที่สูง โดยผลผลิตส่วนใหญ่จะเป็นพืชผัก ไม้ผล และไม้ดอกเมืองหนาว อีกทั้งบริเวณที่ตั้งของสถานีวิจัยโครงการหลวงอินทนนท์ ตั้งอยู่ในระดับความสูง 1,380 เมตร จากระดับน้ำทะล ทำให้มีอุณหภูมิโดยเฉลี่ยเย็นสบายตลอดทั้งปี เหมาะแก่การเจริญเติบโตของพืชในเขตหนาว, โครงการอนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้รองเท้านารีอินทนนท์ ซึ่งทางโครงการฯ ได้รวบรวมพันธุ์กล้วยไม้รองเท้านารีจากทั่วประเทศ มาทำการเพาะเลี้ยงและจัดตกแต่งสวนไว้อย่างสวยงาม

          หมู่บ้านกะเหรี่ยงแม่แอบใน เป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงวิถีชีวิตวัฒนธรรมของชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง หรือ ปกาเกอะญอ ชมการดำนินชีวิตที่เรียบง่าย อีกทั้งในหมู่บ้านมีการบริการที่พักและกิจกรรมการท่องเที่ยวแบบ Home Stay, หมู่บ้านม้งขุนยะน้อย เป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงวิถีชีวิตวัฒนธรรมม้ง มีสภาพอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์จากพื้นที่สูงได้ไกล บริเวณโดยรอบหมู่บ้านมีสภาพป่าดิบเขาที่ยังคงความสมบูรณ์ และการอนุรักษ์ป่า "ดงเซ้ง" และต้นไม้ขนาดใหญ่ 7-8 คนโอบ, น้ำตกแม่กลาง เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ซึ่งมีน้ำไหลตลอดปี และมีแอ่งน้ำขนาดใหญ่ให้เล่นน้ำหลายแห่ง แต่ในช่วงฤดูฝนกระแสน้ำไหลแรงจนอาจเป็นอันตรายต่อการเล่นน้ำ

          น้ำตกแม่ยะ เกิดจากลำห้วยแม่ยะ ไหลลดหลั่นลงมาถึง 30 ชั้น รวมความสูงประมาณ 260 เมตร จนกล่าวกันว่าเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดของประเทศ ในช่วงฤดูฝนสายน้ำตกจะแผ่กว้างถึง 100 เมตร ฤดูแล้งปริมาณน้ำอาจลดน้อยลง แต่สายน้ำตกจะใสสะอาดกว่า, น้ำตกวังควาย เป็นน้ำตกที่เหมาะในการลงเล่นน้ำ ในสายน้ำที่เย็นฉ่ำไหลเซาะลดเลี้ยวตามลานหินลดหลั่นเป็นชั้น ๆ พื้นน้ำเป็นทรายเม็ดละเอียด, ถ้ำบริจินดา เป็นถ้ำขนาดใหญ่ ภายในถ้ำมีความลึกหลายกิโลเมตร เพดานมีหินงอกหินย้อยหรือที่ชาวเหนือเรียกว่า "นมผา" และมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ภายใน เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้นมัสการ นอกจากนี้ ยังมีธารหินที่เมื่อมีแสงสว่างมากระทบจะเกิดประกายระยิบระยับดังกากเพชร

          ผาแง่มน้อย เป็นหิน 2 แท่ง ตั้งอยู่คู่กันริมเส้นทางเดินชมธรรมชาติกิ่วแม่ปาน ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ที่บริเวณพิกัด 445013 E และ 2051990 N, น้ำตกวชิรธาร เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ เดิมชื่อ ตาดฆ้องโยง ภายหลังได้เปลี่ยนชื่อตามพระนามาภิไธยของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ตัวน้ำตกอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 750 เมตร ตรงข้ามมีหน้าผาสูงชัน เรียกว่า ผาม่อนแก้ว หรือในภายหลังเรียกว่า ผาแว่นแก้ว, น้ำตกสิริธาร เป็นน้ำตกที่ไหลลงมาจากผาหินขนาดใหญ่ มีความสูงประมาณ 50 เมตร จากฐานไหลลดหลั่นกันลงมาเป็น 2 ชั้นต่อกันอย่างสวยงามมาก และมีปริมาณน้ำมากและไหลแรงตลอดทั้งปี สามารถได้ยินเสียงของน้ำตกในระยะไกล

          น้ำตกผาดอกเสี้ยว เป็นน้ำตกที่สวยงามมากแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องรักจัง, น้ำตกสิริภูมิ เป็นน้ำตกคู่ไหลลงมาจากหน้าผาสูงชันเป็นทางยาวสวยงามมาก มีการจัดภูมิทัศน์ สวนหลวงสิริภูมิ อยู่ภายใต้การดำเนินงานของศูนย์พัฒนาโครงการหลวงอินทนนท์ มีการจัดเก็บค่าเข้าชม คนละ 20 บาท, น้ำตกแม่ปาน จากธรรมชาติที่ลึกของป่าใหญ่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ จะเห็นสายน้ำที่ไหลผ่านภูผาถึง 4 ชั้น ล้อมรอบด้วยป่าเขียวขจี ตัวน้ำตกมีความสูงมากกว่า 100 เมตร สามารถมองเห็นได้จากจุดชมวิวระยะไกล, น้ำตกห้วยทรายเหลือง เป็นน้ำตกที่อยู่ใกล้ที่พักแรมมากที่สุด อดีตกาลเม็ดทรายสีเหลืองไหลมากับสายน้ำยามฝน ดุจดั่งเม็ดทองคำอันเลอล้ำค่า, เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน, เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติอ่างกา และเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติพันธุ์ชุลี

          ทั้งนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ 119 หมู่7 ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ 50160 โทรศัพท์  0 5328 6728, 0 5328 6729 โทรสาร 0 5328 6727

อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา

อันดับที่ 4. อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา เก็บค่าเข้าชมอุทยานได้ 24.4 ล้านบาท

          อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งทะเลอันดามันของประเทศไทย ในท้องที่ตำบลกระโสม ตำบลกะไหล ตำบลคลองเคียน อำเภอตะกั่วทุ่ง ตำบลเกาะปันหยี อำเภอเมืองพังงา และตำบลเกาะยาวน้อย ตำบลเกาะยาวใหญ่ อำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา มีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาหินตะกอน หินแปรสลับอยู่เป็นแนวยาว มีภูเขาหินปูนแทรกโผล่เป็นหย่อม ๆ กระจายอยู่ทั่วไป สภาพธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงตามสภาพแวดล้อมทำให้เกิดเป็นโพรง ถ้ำ การยุบตัวของแผ่นดินทางทิศตะวันตก ทำให้เกิดเป็นชายฝั่งขรุขระ เว้า ๆ แหว่ง ๆ เกิดเป็นอ่าวและเกาะ ทำให้เกิดทัศนียภาพที่สวยงาม

          สำหรับแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ได้แก่ เขาพิงกัน เป็นเกาะเล็ก ๆ ซึ่งเกิดจากการทรุดตัวของก้อนหิน และเลื่อนตัวลงมาพิงกัน ส่วนเดิมดูเหมือนเป็นภูเขา 2 ลูกถูกผ่าออกจากกัน และพิงกันอยู่เป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างหนึ่ง, เขาตะปู เป็นเกาะขนาดเล็กตั้งอยู่โดด ๆ และถูกกัดกร่อนโดยน้ำทะเลทำให้ส่วน ล่างถูกกัดเซาะจนเล็กเรียวลง, ถ้ำลอด เป็นช่องเขาที่เกิดจากการกัดกร่อนของน้ำทะเลจนทะลุอีกด้านหนึ่ง มีลักษณะเหมือนถ้ำใหญ่ที่กว้างประมาณ 20 เมตร และยาวประมาณ 70 เมตร ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยที่สวยงาม เรือสามารถแล่นผ่านเข้าไปได้, เขาเขียน เป็นภูเขาที่มีภาพเขียนก่อนประวัติศาสตร์ อยู่บริเวณผนังถ้ำซึ่งจากการสำรวจของกรมศิลปากร พบว่าเป็นภาพเขียนเก่าแก่มีอายุประมาณ 3,000 ปี โดยภาพที่พบเห็นได้เด่นชัดจะเป็นภาพ ปลาโลมา คน ลิง และสัตว์เลื้อยคลาน
          เกาะละวะใหญ่ อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติ โดยเดินทางเรือหางยาวประมาณ 2 ชั่วโมง เกาะละวะใหญ่เป็นเกาะเล็ก ๆ ซึ่งมีหาดทรายขาวโดยรอบเกาะ ใช้เวลาเดินรอบเกาะประมาณครึ่งชั่วโมง มีน้ำทะเลที่ใสและสวยงามไปด้วยปะการังน้ำตื้น เหมาะที่จะมาพักผ่อน, เขาหมาจู เป็นภูเขาหินปูนขนาดเล็กตั้งโดดเด่นอยู่ มีแมกไม้ขึ้นปกคลุมตามซอกหิน ทำให้มองดูเหมือนสุนัขพันธุ์พุดเดิ้ล, เกาะปันหยี เป็นที่ตั้งบ้านเรือนของชาวเกาะ ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม มีอาชีพประมง ตั้งบ้านเรือนอาศัยอยู่ประมาณ 200 กว่าหลังคาเรือน มีที่ดินบริเวณเกาะเชิงเขาใช้เป็น "กุโบร์ " หรือที่ฝังศพ มีโรงเรียนและมัสยิดตั้งอยู่ด้วย และยังมีร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึกไว้บริการแก่นักท่องเที่ยว
   
          เกาะทะลุนอก เป็นเกาะหินปูนขนาดไม่ใหญ่นัก บริเวณด้านเหนือของเกาะมีถ้ำลอดขนาดเล็ก ประมาณ 10 เมตร และมีซอกหลืบอยู่อีกหลายแห่ง นักท่องเที่ยวนิยมมาพายเรือแคนูลอดถ้ำและชมป่าชายเลนรอบ ๆ, เกาะห้อง เป็นเกาะขนาดใหญ่ สามารถผ่านเข้าไปทางถ้ำ ทะเลด้านในจะมีเป็นห้อง ๆ หรือลากูน (Tidal Lagoon) สามารถที่จะผ่านเข้าไปได้ โดยจะมีความกว้างประมาณ 2 –10 เมตร ลึก 150 เมตร การเข้าในถ้ำต้องรอให้น้ำขึ้นลงให้เหมาะสม เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาพายเรือแคนู ด้านในลากูนเป็นผาสูงชัน มีป่าอยู่โดยรอบ บางครั้งอาจเห็นบ่างหรือค้างคาวแม่ไก่ และ เกาะพนัก เป็นเกาะที่มีความสวยงาม มีถ้ำต่าง ๆ อยู่ภายในเกาะหลายถ้ำ บางถ้ำมีความสูงกว่าระดับน้ำ จึงต้องใช้วิธีปีนขึ้นไป แต่บางแห่งต้องใช้เรือแคนูพายเข้าไปเท่านั้น ภายในเกาะพนักนี้มีถ้ำต่าง ๆ ที่น่าในใจอยู่หลายถ้ำ เช่น ถ้ำค้างคาว ถ้ำโกงกาง หรือถ้ำปีน ซึ่งนับว่าเป็นอีกถ้ำหนึ่งที่มีมุมมองที่สวยงามแปลกตา

          ทั้ง นี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา 80 หมู่ที่ 1 บ้านท่าด่าน ตำบลเกาะปันหยี อำเภอเมืองพังงา จังหวัดพังงา 82000 โทรศัพท์ 0 7648 1188, 0 7648 1163 โทรสาร 0 7648 1188 และอีเมล aophangnga_np@dnp.go.th หรือ aophanghga_np@hotmail.com

อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว

อันดับที่ 5. อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว เก็บค่าเข้าชมอุทยานได้ 23.9 ล้านบาท

          อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว มีพื้นที่ครอบคลุมท้องที่อำเภอเมือง อำเภอแหลมสิงห์ อำเภอขลุง และอำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี ประกอบด้วยป่าที่สมบูรณ์ เทือกเขาสูงสลับซับซ้อน เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารหลายสาย และมีเอกลักษณ์ทางธรรมชาติ คือ น้ำตกพลิ้ว ที่สวยงาม มีน้ำตกตลอดปี และนับเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 11 ของประเทศไทย จุดสูงสุดของพื้นที่อยู่ ยอดเขามาบหว้ากรอก มีความสูง 924 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง

          สำหรับแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ได้แก่ น้ำตกพลิ้ว เป็นน้ำตกขนาดใหญ่และสวยงาม มีน้ำตลอดปี ประกอบด้วยสายธาร 2 สาย สายหนึ่งไหลลดหลั่นผ่านซอกหินผา อีกสายหนึ่งมีขนาดเล็กกว่า แต่ทิ้งตัวลงมาจากผาสูง 20 เมตร ทั้งสองสายไหลมารวมกันในแอ่งน้ำใสสะอาดมาก สามารถมองเห็นพื้นล่างซึ่งส่วนใหญ่เป็นหินและทรายในระดับลึกกว่า 2 เมตร ภายในบริเวณน้ำตกและลำคลองมีปลาใหญ่น้อยหลายชนิดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะปลาพลวงหิน ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสน้ำตกแห่งนี้หลายครั้ง และทรงยกย่องว่าเป็นน้ำตกที่งดงามที่สุดในบรรดาน้ำตกที่พระองค์เคยเสด็จ ประพาส และทรงมีพระราชดำรัสว่า "เราได้เห็นน้ำตกอย่างนี้มาสองสามแห่ง คือที่ ปีนัง เกาะช้าง และสีพยา เห็นไม่มีที่ไหนจะงามกว่าที่นี่เลย ถ้าจะให้เรานั่งดูอยู่ยังค่ำก็แทบจะได้ด้วยเย็นสบายจริง"

          จุดชมทิวทัศน์อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว เป็นจุดที่สามารถมองเห็นสภาพป่าที่สมบูรณ์ในเขตอุทยานแห่งชาติ เห็นสวนผลไม้ สวนยาง และเขตที่อยู่อาศัยของชาวบ้าน และเห็นทะเลในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส, น้ำตกคลองนารายณ์ เป็นน้ำตกขนาดกลางไหลลดหลั่นจากผาชันสูง 25 เมตร น้ำใสสะอาดและมีน้ำมากตลอดปี เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบการเดินป่าชมความงามของพฤกษาชาติ, อ่างศาล ในอดีตบริเวณนี้เคยเป็นที่ตั้งของปรำที่ประทับและจุลสีห์จุมพต ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงสร้างไว้กลางลำธาร เพื่อเป็นอนุสรณ์สถาน ปัจจุบันเหลือเพียงร่อยรอยบริเวณที่เคยเป็นพระเจดีย์ เพราะได้ถูกระแสน้ำพัดพังไปเมื่อปี 2517, อ่างสรง หรือ อ่างหงส์ มีลักษณะเป็นน้ำตกเล็ก ๆ ไหลลงมาจากหน้าผาหินเป็นทางคล้ายหางหงส์ ในอดีตบริเวณแอ่งน้ำกว้าง รัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5 ทั้งสองพระองค์ทรงลงสรงน้ำ ณ อ่างสรงแห่งนี้

          ถ้ำพระนารายณ์ เป็นถ้ำที่มีลำธารน้ำใสบริสุทธิ์ไหลออกมา แหล่งน้ำแห่งนี้ถือเป็นแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ 1 ใน 18 แห่งของประเทศที่ใช้ในพิธีมูรธาภิเษกในพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษก ปัจจุบันหินได้ถล่มลงมาปิดปากถ้ำแต่ยังคงมีน้ำไหลออกมาอยู่ตลอดปี, น้ำตกตรอกนอง อยู่ที่ตำบลตรอกนอง อำเภอขลุง ชั้นล่างสุดซึ่งเรียกว่า "น้ำตกไม้ซี้" ถัดไปเป็นน้ำตกกลางและชั้นบนสุดเรียกว่า "น้ำตกตรอกนอง" มีความสวยงามตามธรรมชาติมาก มีน้ำไหลตลอดปี ในระหว่างการเดินทางขึ้นน้ำตกจะเพลิดเพลินกับความสวยงามของลำธาร และสภาพป่าที่ร่มรื่นและเขียวขจีตามธรรมชาติมาก อีกทั้งในบริเวณนั้น ยังมีถ้ำพระเจดีย์อยู่บนไหล่เขาพระเจดีย์ ลักษณะเป็นก้อนหินใหญ่คล้ายเจดีย์ ตั้งอยู่บนไหล่เขาชาวเขาเรียกว่า "เขาพระเจดีย์"

          น้ำตกมะกอก เป็นน้ำตกขนาดเล็กมี 2 ชั้น สายน้ำไหลจากผาสูงชัน น้ำใสเป็นสีเขียวอมฟ้า มีน้ำตลอดปี มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติระยะทาง 2.1 กิโลเมตร จุดเริ่มต้นบริเวณด้านหลังหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ, อลงกรณ์เจดีย์ รัชกาลที่ 5 พร้อมด้วย พระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี อัครมเหสี ได้ทรงโปรดปรานให้สร้างเจดีย์ทำด้วยศิลาแลงขึ้นที่บริเวณหน้าผาด้านหน้า น้ำตกพลิ้ว เพื่อเป็นที่ระลึกในการเสด็จประพาสน้ำตกพลิ้วด้วยกัน และพระราชทานนามว่า "อลงกรณ์เจดีย์" และ สถูปพระนางเรือล่ม อยู่ในบริเวณน้ำตกพลิ้ว สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 เพื่อเป็นที่ระลึกแก่ สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี ภายในสภูปพระนางเรือล่มบรรจุพระอังคารของพระนางเจ้าฯ ด้วย

          ทั้งนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว 41 หมู่ 12 ตำบลพลิ้ว อำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี 22190 โทรศัพท์ 0 3943 4528 โทรสาร 0 3943 4528 และอีเมล namtokphlio@hotmail.com

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน

อันดับที่ 6. อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน เก็บค่าเข้าชมอุทยานได้ 20.7 ล้านบาท

          อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ตั้งอยู่ตำบลเกาะพระทอง อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา ได้รับการประกาศจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติของประเทศไทย ลำดับที่ 43 โดยคำว่า "สิมิลัน" เป็นภาษายาวีหรือมลายู แปลว่า "เก้า" จึงมีชื่อเรียกกันว่า หมู่เกาะสิมิลัน หรือ เกาะเก้า ประกอบไปด้วยเกาะใหญ่น้อย 9 เกาะด้วยกัน เกาะทั้งเก้าเรียงตัวตามแนวทิศเหนือไปทิศใต้ ได้แก่ เกาะบอน เกาะบางู เกาะสิมิลัน เกาะปายู เกาะห้า เกาะเมียง เกาะปาหยัน เกาะปายัง และเกาะหูยง ทั้งนี้ ในปี พ.ศ. 2541 ได้ผนวกพื้นที่บริเวณ "เกาะตาชัย" เข้าไปด้วย โดยพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเกาะและห้วงน้ำทะเล ซึ่งรอบเกาะมีปะการังสมบูรณ์ และตามชายหาดหรือสันทรายจะไม่มีดินเลนให้เห็น จึงเป็นชายหาดที่ขาวสะอาด สวยงาม ซึ่งช่วงเวลาที่เหมาะแก่การท่องเที่ยว คือ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน - 30 เมษายนของทุกปี และปิดฤดูการท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม - 31 ตุลาคมของทุกปี

          สำหรับแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ได้แก่ เกาะสิมิลัน หรือ เกาะแปด เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุด มีหาดทรายขาวละเอียด ลักษณะอ่าวเป็นรูปโค้งเหมือนเกือกม้า มีหาดทรายขาวละเอียดเนียนนุ่ม น้ำทะเลสีใสน่าเล่น แถมใต้ท้องทะเลยังมีปะการังสวยงามหลากหลายชนิด อีกทั้งยังเป็นเกาะที่สามารถดำน้ำได้ทั้งน้ำลึกและน้ำตื้น ส่วนทางด้านเหนือของเกาะนั้นก็มีก้อนหินขนาดใหญ่รูปร่างแปลกตาชวนให้แปลกใจ เช่น หินรูปรองเท้าบูท หรือรูปหัวเป็ดโดนัลด์ดั๊ก ตอนบนที่ตรงกับแนวหาดมีหินรูปเรือใบ ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สวยงาม สามารถมองเห็นความสวยงามของท้องทะเลได้กว้างไกล

          เกาะเมียง หรือ เกาะสี่ เป็นเกาะที่มีขนาดพื้นที่รองจากเกาะสิมิลัน เป็นที่ตั้งที่ทำการอุทยานแห่งชาติ (บนเกาะ) ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ร้านอาหาร บ้านพักนักท่องเที่ยว และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ เกาะนี้มีแนวหาดทราย 2 หาด สามารถเดินถึงกันได้โดยใช้เวลาในการเดินประมาณ 20 นาที และเป็นหาดทรายยาวประมาณ 400 เมตร ทรายขาวละเอียดและสวยมากที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทย น้ำทะเลสีฟ้า เหมาะสำหรับลงเล่นน้ำได้ ด้านตะวันตกเฉียงเหนือของหาดมีแนวปะการังต่อเนื่องไปถึงแนวหินยาว ทำให้บริเวณนี้เป็นจุดดำตื้นได้อย่างสบาย ๆ, เกาะบางู หรือ เกาะเก้า สภาพของเกาะเป็นหิน หน้าผา ทางด้านทิศตะวันออกของเกาะมีหินโผล่น้ำ ซึ่งเป็นแหล่งปะการังที่สวยงามมากแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในหมู่นักดำน้ำลึกว่า "คริสต์มาสพอยท์"

          เกาะปายัง หรือ เกาะสอง เป็นเกาะที่มีสภาพพื้นที่เป็นภูเขาหิน รอบเกาะเป็นหน้าผา และโขดหิน ไม่มีหาดทราย, เกาะปายู หรือ เกาะหก มีลักษณะของเกาะเป็นภูเขาหิน เป็นหน้าผา มีชายหาดด้านตะวันออก แนวปะการังบริเวณนี้กว้างประมาณ 150 - 200 เมตร ด้านตะวันตกเป็นหน้าผาสูงชัน ไม่มีแนวปะการังที่ชัดเจน แต่มีกองหินและปะการังขึ้นกระจาย, เกาะปาหยัน หรือ เกาะสาม มีสภาพทั่วไปของเกาะเป็นหิน ลักษณะเป็นหน้าผา ไม่มีหาดทราย แต่เป็นแหล่งดำน้ำลึกที่นักดำน้ำลึกนิยมอีกแห่งหนึ่ง มีการขนานนามบริเวณนี้ว่า "สันฉลาม" บ้างก็ขนานนามว่า "กำแพงเมืองจีน" ซึ่งเรียกตามลักษณะกำแพงหินธรรมชาติใต้น้ำที่มีความโอฬารมาก บริเวณนี้จะพบฝูงปลาจำนวนมากที่แวะเวียนมาหากินอยู่ข้าง ๆ กำแพงหินธรรมชาติใต้น้ำ เช่น ฝูงปลาสาก และยังมีกัลปังหาที่มีสีสันสวยงามอีกเป็นจำนวนมาก

          เกาะห้า เป็นเกาะเล็ก ๆ แต่เป็นจุดดำน้ำที่น่าสนใจและงดงาม มีเอกลักษณ์ของเกาะ คือ ปลาไหลสีขาวเทา ที่ชอบโผล่หัวชูคอขึ้นมาจากรู จนได้ชื่อว่า สวนปลาไหล บริเวณนี้ยังเต็มไปด้วยปะการังอ่อน ปะการังแข็งที่มีอยู่มากมาย, เกาะหินปูซาร์ หรือ เกาะเจ็ด สามารถว่ายน้ำลัดเลาะไปมาได้ ตามหน้าผาพบปะการังอ่อน มีทัศนวิสัยในการดำน้ำลึกดีมาก สามารถมองเห็นได้กว้างไกล รอบด้านเป็นกองหินความลึกประมาณ 20-50 เมตร มีหุบเหวใต้น้ำ, เกาะหูยง หรือ เกาะหนึ่ง เป็นเกาะที่มีหาดทรายขาวสะอาด และยาวมากที่สุดในบรรดาเกาะทั้งหมด ซึ่งหาดของเกาะนี้เป็นที่วางไข่ของเต่าทะเลหลายชนิด หากจะไปท่องเที่ยวที่เกาะแห่งนี้ ควรติดต่อสอบถามเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติก่อน

          เกาะตาชัย เป็นเกาะที่เพิ่งประกาศให้อยู่ในความรับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิ มิลัน เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2541 เป็นเกาะที่ยังคงรักษาสภาพธรรมชาติได้เป็นอย่างดี สำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบความโรแมนติกในยามเย็น ทางอุทยานแห่งชาติได้จัดทำเส้นทางไว้ให้นักท่องเที่ยวได้เดินเท้าระยะสั้น ๆ ประมาณ 20 นาที ไปชมพระอาทิตย์ตก นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจ คือ ดำน้ำตื้นบริเวณรอบ ๆ เกาะ เพราะมีปะการังที่อุดมสมบูรณ์สวยงามมาก และ เกาะบอน หรือ เกาะทะลุ เป็นเกาะเป็นแหล่งที่อยู่ของปลาที่ชุกชุมมาก จุดเด่นคือ สะพานหิน ที่เกิดจากหินที่ถูกน้ำทะเลกัดเซาะจนเป็นโพรงมองคล้ายสะพานโค้งข้ามแม่น้ำ เป็นเกาะที่นักดำน้ำสามารถทักทายกับเจ้ายักษ์ใหญ่แห่งท้องทะเล นั่นคือ เจ้ากระเบนราหู ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถพบได้ง่ายกว่าแหล่งท่องเที่ยวแหล่งอื่น

          ทั้งนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน 93 หมู่ที่ 5 ตำบลลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา 82210 โทรศัพท์ 0 7645 3272 โทรสาร 0 7645 3273 และอีเมล mukosimilan_np@dnp.go.th หรือ similan_np@hotmail.com

อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด

อันดับที่ 7. อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด เก็บค่าเข้าชมอุทยานได้ 16.6 ล้านบาท

          อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งทะเลด้านอ่าวไทยในท้องที่อำเภอแกลง และอำเภอเมือง จังหวัดระยอง ครอบคลุมพื้นที่บนฝั่งและในท้องทะเล ตลอดจนเกาะต่าง ๆ ประกอบด้วย เกาะเสม็ด เกาะจันทร์ เกาะทะลุ เกาะกุฎี เกาะมะขาม และเกาะปลายตีน ซึ่งสถานที่ที่เด่นที่สุดและเป็นที่รู้จักกันดี คือ เกาะเสม็ด เพราะมีทิวทัศน์สวยงาม เหมาะสำหรับการพักผ่อน ซึ่งนับเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 34 ของประเทศไทย และจัดเป็นอุทยานแห่งชาติประเภทชายฝั่งผสมหมู่เกาะในทะเล ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลของอ่าวไทยฝั่งตะวันออก

          สำหรับแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ได้แก่ เกาะเสม็ด ตั้งอยู่ในตําบลเพ อําเภอเมือง จังหวัดระยอง อยู่ห่างจากชายฝั่งบ้านเพประมาณ 6.5 กิโลเมตร มีลักษณะเป็นเกาะรูปสามเหลี่ยม ส่วนฐานของเกาะอยู่ด้านทิศเหนือ ซึ่งหันเข้าสู่ฝั่งบ้านเพ มีภูเขาสลับซับซ้อนกันอยู่ 2-3 ลูก มีที่ราบซึ่งเป็นที่ตั้งบ้านเรือนของชาวบ้านอยู่ตามริมฝั่งชายหาด ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ทางด้านเหนือและตะวันออก ในบริเวณปลายแหลมด้านใต้มีเกาะเล็ก ๆ อยู่ใกล้ ๆ อีก 3 เกาะ คือ เกาะจันทร์ เกาะสันฉลาม และเกาะหินขาว ซึ่งเป็นหินล้วนสลับซับซ้อนสีขาวสะอาดตลอด ไม่มีพืชพันธุ์ใด ๆ ทั้งสิ้น เป็นที่อาศัยและที่วางไข่ของนกนางนวล โดยกล่าวกันว่า เกาะเสม็ด ก็คือ เกาะแก้วพิสดาร ในกวีนิพนธ์ของสุนทรภู่ อาจเป็นเพราะที่นี่มีหาดทรายขาวปานแก้วก็เป็นได้ และเหตุที่มีชื่อว่า เกาะเสม็ด เพราะเกาะนี้มีต้นเสม็ดขึ้นอยู่มากทั้งเสม็ดขาว และเสม็ดแดง ซึ่งชาวบ้านนํามาใช้ทําไต้จุดไฟ

          อ่าวกลาง เป็นหาดทรายขาวทอดยาวตลอดด้านเหนือของเกาะ ตั้งแต่แหลมน้อยหน่าซึ่งอยู่บริเวณมุมเกาะด้านตะวันตก จนถึงแหลมเจ้าแม่ทับทิม ซึ่งมองเห็นจากฝั่งบ้านเพ รวมความยาวประมาณ 1.5 กิโลเมตร ตัวหาดทรายกว้างประมาณ 15-20 เมตร ด้านหลังเป็นแนวเขากระโจมติดต่อเขาพลอยแหวน ซึ่งช่วยกําบังลมทําให้ผู้คนมาตั้งบ้านเรือนอยู่เป็นจํานวนมาก เรียกว่า "หมู่บ้านเกาะเสม็ด" บริเวณนี้เป็นที่จอดพักเรือประมงและเรือท่องเที่ยว ทางด้านแหลมทับทิมมีโขดหินขนาดใหญ่สลับซับซ้อนกันอยู่ เหมาะสําหรับนั่งชมธรรมชาติท่องทะเลยามเย็น

         หาดทรายแก้ว อยู่ห่างจากท่าเรือหมู่บ้านเกาะเสม็ดทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เป็นหาดทรายที่สวยที่สุดของเกาะ เป็นหาดที่นักท่องเที่ยวทั้งหลายมุ่งหน้ามาชมและเล่นน้ำ เพราะเป็นหาดที่มีทรายขาวสะอาดและละเอียดมาก หาดกว้าง 25-30 เมตร ยาวประมาณ 780 เมตร ราบเรียบปราศจากโขดหินใด ๆ ระยะทางจากหมู่บ้านเกาะเสม็ดถึงหาดทรายแก้วประมาณ 800 เมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15-20 นาที, อ่าววงเดือน อยู่ทางด้านตะวันออกทางตอนกลางของเกาะ เป็นอ่าวโค้งคล้ายพระจันทร์ครึ่งดวง หาดทรายขาวสะอาดยาวประมาณ 500 เมตร บริเวณหน้าผาด้านหลังอ่าววงเดือนยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามอีกด้วย

         อ่าวพร้าว อยู่ทางด้านตะวันตกของเกาะ เป็นเพียงหาดเดียวที่อยู่ทางด้านนี้ อ่าวพร้าวมีความยาวประมาณ 200 เมตร มีความงามพอสมควร การเดินทางไปหาดอ่าวพร้าวนอกจากจะเดินทางโดยเรือจากบ้านเพไปโดยตรง ซึ่งใช้เวลา 45 นาที นักท่องเที่ยวจะเดินทางจากบ้านเกาะเสม็ดไปก็ได้ แต่ค่อนข้างลําบาก

          อย่าง ไรก็ตาม นอกจากหาดต่าง ๆ ที่กล่าวมาแล้ว ยังมีหาดทรายต่าง ๆ อีกหลายหาด บางหาดยากแก่การที่จะเดินทางไปถึง นอกจากนั่งเรือไปยังหาดนั้นโดยตรง ซึ่งหาดต่าง ๆ อยู่ทางด้านตะวันออกของเกาะ แต่ละหาดอยู่ในอ่าวเล็ก ๆ มีความยาวประมาณ 200 เมตร หาดทรายสวยสะอาด ถ้านั่งเรือจากด้านเหนือของเกาะลงมาจนสุดเกาะทางด้านใต้ จะพบหาดทรายเรียงตามลําดับ ดังนี้ หาดทรายแก้ว หาดหินโคร่ง หาดคลองไผ่ อ่าวพุทรา อ่าวทับทิม อ่าวนวล อ่าวช่อ อ่าวคอก อ่าวเทียน อ่าวหวาย อ่าวกิ่วหน้านอก อ่าวกะรัง สําหรับนักท่องเที่ยวที่รักการผจญภัยไม่ควรพลาดการปีนเขา ซึ่งมีอยู่หลายลูกบนเกาะเสม็ดที่น่าสนใจ คือ เขาบ่อทอง

          ทั้งนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด 79 หมู่ 1 บ้านก้นอ่าว ถนนหาดแม่รำพึง-เพ ตำบลเพ อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง 21160 โทรศัพท์ 0 3865 3034 โทรสาร 0 3865 3034 และอีเมล khaolaemyamukosamet_np@dnp.go.th

อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี

อันดับที่ 8. อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เก็บค่าเข้าชมอุทยานได้ 15.1 ล้านบาท

          อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ตั้งอยู่ในท้องที่อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ในทะเลอันดามันด้านทิศตะวันตกของภาคใต้ เป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่สวยงามตามธรรมชาติ รอบ ๆ เกาะมีปะการัง กัลปังหา ทิวทัศน์ใต้ทะเลที่งดงามและเอกลักษณ์ทางธรรมชาติ คือ ภูเขาหินปูนที่มีหน้าผาเป็นชั้น ๆ ถ้ำที่สวยงาม ตลอดจนชายหาดยาวสะอาด นับเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 47 ของประเทศไทย

          สำหรับแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ได้แก่ เกาะพีพีดอน มีพื้นที่ประมาณ 28 ตารางกิโลเมตร ทางเหนือของเกาะคือ แหลมตง เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชาวเล ประมาณ 15-20 ครอบครัว ส่วนใหญ่อพยพมาจากเกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล บริเวณแหลมตงมีธรรมชาติใต้ทะเลสวยงามมาก เหมาะแก่การดำน้ำ เช่นเดียวกันกับที่บริเวณปลายแหลมหัวระเกด หาดยาว และหินแพ นอกจากนี้ ยังมีเวิ้งอ่าวคู่ที่มีความสวยงามติดอันดับโลกของ อ่าวต้นไทร และ อ่าวโละดาลัม ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานที่พักจำนวนมาก บริการแก่นักท่องเที่ยวทั่วไป, เกาะพีพีเล มีพื้นที่เพียง 6.6 ตารางกิโลเมตร เป็นเกาะเขาหินปูน มีหน้าผาสูงชันตั้งฉากกับพื้นผิวทะเลโดยรอบเกือบทั้งเกาะ มีพื้นน้ำลึกเฉลี่ยประมาณ 20 เมตร เกาะแห่งนี้มีเวิ้งอ่าวสวยงาม อาทิ อ่าวปิเละ อ่าวมาหยา และอ่าวโละซะมะ

          ทะเลแหวก เกิดจากสันทรายของ เกาะไก่ เกาะหม้อ และเกาะทับ ซึ่งทั้งสามเกาะตั้งอยู่ใกล้ ๆ มีสัณฐานติดกัน เมื่อคลื่นพัดทรายมาพบกันที่จุดนี้ จึงทำให้เกิดเป็นแนวสันทรายเชื่อมเกาะทั้งสามเกาะนี้ให้ถึงกัน และสันทรายนี้จะจมหายไปเมื่อน้ำขึ้นสูง เมื่อน้ำลดแนวสันทรายก็จะค่อย ๆ โผล่ขึ้นมาเหมือนกับว่าแบ่งทะเลให้แยกออกกันเป็นสามส่วน รวมถึงสันทรายจะโผล่ในช่วงที่น้ำทะเลลดต่ำสุด และหาดทรายของทะเลแหวกนี้ขาวสะอาดน่าเล่นน้ำ ทุกครั้งที่น้ำท่วมสันทรายก็เหมือนเป็นการทำความสะอาดหาดทรายไปในตัว ขยะหรือเศษไม้ต่าง ๆ คลื่นซัดมาติดชายหาดก็จะหายไปตามคลื่นเมื่อน้ำขึ้น ทั้งนี้ ควรมาชมทะเลแหวกในช่วงเวลาน้ำลงต่ำสุดในแต่ละวัน โดยเฉพาะในวันก่อน และหลังวันขึ้น 15 ค่ำ ราว 5 วัน ช่วงเวลาที่เหมาะกับการเที่ยวทะเลแหวก คือ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงต้นพฤษภาคม

          อ่าวไร่เลย์ เป็นที่รู้จักของนักปีนผาทั่วโลก และมีชายหาดที่ขาวสะอาด นักท่องเที่ยวนิยมไปเล่นน้ำ ชมถ้ำหินงอกหินย้อย การเดินทางโดยเรือใช้เวลาเดินทางจากชายฝั่งประมาณ 15-20 นาที, เกาะไม้ไผ่ ตั้ง อยู่ทางตอนเหนือของเกาะพีพีดอน ไม่ไกลจากเกาะยูงเท่าใดนัก ด้านทิศเหนือและทิศตะวันออกมีหาดทรายสวยงามและแนวปะการัง ซึ่งส่วนมากเป็นแนวปะการังเขากวางทอดยาวไปถึงทางทิศใต้ของเกาะ จนได้รับขนานนามว่าเป็น "ดงปะการังแสนไร่" ท่ามกลางทะเลอันดามัน, เส้นทางศึกษาธรรมชาติเขาหงอนนาค เป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติ มีลักษณะพื้นที่เป็นภูเขาที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง ทางอุทยานฯ ได้จัดทำเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ซึ่งมีปลายทางเป็นจุดชมทิวทัศน์ที่สวยงาม คือ "จุดชมทิวทัศน์หงอนนาค" บริเวณนี้สามารถมองเห็นทัศนียภาพได้กว้างไกล เหมาะสมสำหรับผู้ที่รักธรรมชาติอย่างแท้จริง

          หาดนพรัตน์ธารา เดิมชาวบ้านเรียกว่า "หาดคลองแห้ง" เพราะช่วงน้ำลงน้ำคลองที่ไหลมาจากภูเขาทางด้านเหนือจะแห้งขอด กลายเป็นหาดทรายขาวเหยียดทอดลงไปในทะเลบรรจบกับเกาะเขาปากคลอง บริเวณหาดเป็นทรายละเอียดปะปนด้วยเปลือกหอยเล็ก ๆ ประดับด้วยทิวสนเรียงรายตามชายหาดทะเล มองออกไปในพื้นน้ำมีทิวทัศน์ของเกาะแก่ง ช่วงน้ำลงจนแห้งสามารถเดินไปยังเกาะเล็ก ๆ บริเวณหน้าชายหาดได้ เหมาะสมสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ หาดนพรัตน์ธารายังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของหอยชักตีนที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง

          สุสานหอย บริเวณชายทะเลบ้านแหลมโพธิ์ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของพื้นที่อุทยาน แห่งชาติ มีซากดึกดำบรรพ์ของหอยน้ำจืดชนิดต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นหอยขม มีขนาดยาวประมาณ 2 เซนติเมตร ซากหอยเหล่านี้ได้ทับถมกันโดยมีน้ำประสานธาตุปูนจับตัวให้กลายเป็นหินแข็ง ทับอยู่ชั้นหินลิกไนท์และหินดินดาน นับเป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ และเป็นหลักฐานทางโบราณคดีที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของโลก

          ทั้งนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี 79 หมู่ที่ 5 ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ 81000 โทรศัพท์ 0 7563 7200, 0 7566 1145 โทรสาร 0 7566 1145 และอีเมล phiphi_np@hotmail.com

อุทยานแห่งชาติไทรโยค

อันดับที่ 9. อุทยานแห่งชาติไทรโยค เก็บค่าเข้าชมอุทยานได้ 14 ล้านบาท

          อุทยานแห่งชาติไทรโยค มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่ 2 อำเภอของจังหวัดกาญจนบุรี คือ อำเภอไทรโยค และ อำเภอทองผาภูมิ สภาพส่วนใหญ่เป็นภูเขาหินปูน จุดสูงสุดของพื้นที่คือ เทือกเขาเราะแระ สูงประมาณ 1,125 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง นับเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 19 ของประเทศไทย และเป็นอุทยานแห่งชาติทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญแห่งหนึ่ง ในส่วนของลักษณะภูมิอากาศ เนื่องด้วยพื้นที่ส่วนใหญ่ของอุทยานฯ เป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน ทำให้มีอากาศร้อนอบอ้าวในฤดูร้อนและค่อนข้างหนาวเย็นในฤดูหนาว อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดทั้งปี ประมาณ 27.02 องศาเซลเซียส

          สำหรับแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ได้แก่ ศาลของสมเด็จพ่อ รัชกาลที่ 5 ที่นักท่องเที่ยวจะต้องมากราบไหว้ขอพรท่าน เมื่อใดที่มาไม่ได้มากราบไหว้ท่าน ถือว่ามาไม่ถึงอุทยานแห่งชาติไทรโยค, น้ำไทรโยคใหญ่ เป็นน้ำตกที่ไหลลงสู่แม่น้ำแควน้อย แยกเป็น 2 แพร่ง ส่วนที่อยู่ทางตอนเหนือเรียกว่า น้ำตกไทรโยคใหญ่ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ชั้นเดียว รองรับด้วยชั้นหินสลับกันเป็นชั้น ๆ มีความสูงประมาณ 8 เมตร สามารถชมทัศนียภาพของน้ำตกไทรโยคได้ โดยการเดินข้ามสะพานแขวนไปยังฝั่งตรงข้ามหรือโดยทางน้ำ ในฤดูหนาวจะสัมผัสบรรยากาศของความหนาวเย็นแห่งสายน้ำและขุนเขา ผ่านน้ำตกมีเสน่ห์ชวนให้หลงใหลยิ่งขึ้น

          น้ำตกไทรโยคน้อย หรือ น้ำตกเขาพัง เป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงมาช้านาน เหตุที่ได้ชื่อว่า น้ำตกเขาพัง เพราะเกิดบนหน้าผาหินปูนที่พังทลายลงมาจนเกิดโขดหินปูนลดหลั่นกันอยู่ตรง บริเวณเชิงเขา ต้นกำเนิดเป็นน้ำผุดจากภูเขาแล้วไหลมาตามลำธารเล็ก ๆ ไหลตกลงที่ผาหินปูนที่มีความสูง ประมาณ 15 เมตร แผ่กระจายไปตามพื้นเขาลาดเอียง ภายใต้ร่มเงาของพันธุ์ไม้นานาชนิด ในลำธารมีต้นกกขึ้นอยู่กระจัดกระจาย นับเป็นบรรยากาศที่ชวนให้ไปสัมผัสอีกแห่งหนึ่ง, น้ำตกไทรโยคเล็ก อยู่ทางด้านใต้ของน้ำตกไทรโยคใหญ่ ประมาณ 500 เมตร เป็นน้ำตกที่มีความสูงมากกว่า มีความสวยงาม อยู่สายน้ำที่พุ่งตกลงมาสู่แม่น้ำแควน้อย ในฤดูหนาวจะสัมผัสบรรยากาศของความหนาวเย็นแห่งสายน้ำและขุนเขาผ่านน้ำตก มีเสน่ห์ชวนหลงใหลยิ่งขึ้น

          ถ้ำดาวดึงส์ เป็นถ้ำที่มีชื่อเสียงและงดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ ค้นพบโดย นายสำลี คูหา ซึ่งตามสัตว์เข้าไปในถ้ำ ในปี พ.ศ. 2515 ถ้ำลึกประมาณ 300-400 เมตร แบ่งเป็นห้อง ๆ ได้ 8 ห้อง มีชื่อตามลักษณะของหินงอกหินย้อย โดยทั่วไปมีสีขาว เช่น ห้องโคมระย้า ห้องเจดีย์ ห้องจีบม่านฟ้า เป็นต้น, ถ้ำละว้า มีปากถ้ำแคบ แต่ภายในกว้างใหญ่โตมาก ถ้ำลึกประมาณ 450 เมตร แบ่งเป็นห้องต่าง ๆ เช่น ห้องท้องพระโรง ห้องดนตรี และห้องม่าน แต่ละห้องมีหินงอก หินย้อย สวยงามแตกต่างกันไป นอกจากนี้ ภายในถ้ำยังปรากฏหลักฐาน เช่น ฟันมนุษย์ ซึ่งทำให้สันนิษฐานได้ว่าแต่เดิมน่าจะเคยมีมนุษย์โบราณอาศัยอยู่

          ถ้ำแก้ว อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ 500 เมตร เป็นถ้ำขนาดเล็ก ยาวประมาณ 200 เมตร มีหินงอกหินย้อยงดงามพอสมควร ปากทางเข้าเป็นหลืบหินที่แคบมากต้องสอดตัวเข้าไปตามซอกหินเป็นระยะทางประมาณ 12 เมตร จึงพบห้องโถงแรก ภายในถ้ำมีห้องโถง 2-3 ห้อง และห้องหนึ่งมีบ่อน้ำผุดปรากฏอยู่ และเตาหุงข้าวญี่ปุ่น เป็นที่พักค่ายทหารเก่าของกองทัพญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2

          ทั้งนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติไทรโยค หมู่ที่ 7 ตำบลไทรโยค อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี โทรศัพท์ 0 3468 6024 โทรสาร 0 3468 6024 และอีเมล saiyok_np@dnp.go.th หรือ saiyok_np@hotmail.com

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง

อันดับที่ 10. อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง เก็บค่าเข้าชมอุทยานได้ 13.9 ล้านบาท

          อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง นับเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 45 ของประเทศไทย โดยประกอบด้วยเกาะใหญ่น้อยมากกว่า 40 เกาะ ทั้งยังมีเกาะที่เป็นโขดหินกลางทะเลอีกจำนวนมาก โดยมีเกาะช้างเป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงของจังหวัดตราด และตั้งอยู่ห่างจากแหลมงอบประมาณ 8 กิโลเมตร และมี เขาสลักเพชร เป็นยอดเขาที่สูงที่สุด มีความสูง 743 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ซึ่งเราสามารถเดินทางมายังเกาะช้างได้ตลอดทั้งปี แต่ช่วงที่ถือว่าเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวของที่นี่ ก็คงไม่พ้นช่วงนี้ที่อากาศค่อนข้างร้อน

          สำหรับแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ได้แก่ หาดทรายขาว ชายหาดที่แสนจะยาวแถมยังขาวสะอาดสมชื่อ มีลักษณะเป็นอ่าวที่มีหาดทรายทอดยาว นักท่องเที่ยวสามารถลงเล่นน้ำได้ตลอดทั้งแนว ยามค่ำคืนปรากฏแสงสีของร้านอาหาร ผับ บาร์ พร้อมที่พักราคาประหยัดเพียบ, หาดคลองพร้าว อยู่ถัดจากหาดทรายขาว มีความยาวต่อเนื่องไปจนถึงหาดไก่แบ้ มีทัศนียภาพสวยงาม ไม่สามารถเล่นน้ำได้ แต่สามารถทำกิจกรรมหรือเล่นกีฬาริมหาดได้ เพราะมีหน้าหาดที่กว้างและสะอาด ทางตอนเหนือสุดของเกาะเป็นที่ตั้งของแหลมไชยเชษฐ์ ซึ่งเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามมากแห่งหนึ่ง

          หาดไก่แบ้ นับว่าเป็นหาดยอดนิยมหาดหนึ่งของนักท่องเที่ยว เพราะสามารถลงเล่นน้ำได้อย่างปลอดภัย มีบังกะโลราคาประหยัดให้เช่าหลายแห่ง บางแห่งมีจักรยานเสือภูเขาให้เช่า หน้าหาดมองเห็นเกาะหยวก เกาะมันนอก และเกาะมันใน, อ่าวคลองสน เป็นอ่าวขนาดใหญ่ มีหาดทรายขาวละเอียด ชายหาดกว้างยาวดูสวยงามมาก ๆ เหมาะแก่การเล่นน้ำ แถมมีความเป็นส่วนตัว ผู้คนไม่พลุกพล่านอีกด้วย และเป็นที่ตั้งของชุมชนบ้านคลองสน ใกล้บริเวณอ่าวมีแนวปะการังใต้น้ำ, อ่าวใบลาน มีลักษณะเป็นหาดทรายยาวเงียบสงบเหมาะแก่การเล่นน้ำ และพักผ่อนมาก ๆ เพราะเงียบสงบ

          หาดบางเบ้า เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านประมงบางเบ้า โดยบ้านพักอาศัยปลูกโดยการปักเสาลงในทะเล มีสะพานเชื่อมติดต่อถึงกันตลอดแนว บรรพบุรุษของคนที่นี่ส่วนใหญ่สืบเชื้อสายจากชาวสลักเพชร ดำรงชีวิตเรียบง่ายด้วยการทำประมงขนาดเล็กชายฝั่ง เป็นแหล่งปลาหมึกหอมชุกชุม นอกจากนั้นที่นี่ยังเป็นจุดที่อยู่ปลายเกาะช้าง มีแหล่งปะการังใต้น้ำ มีโปรแกรมแพ็คเกจทัวร์ไปยังเกาะต่าง ๆ เช่น เกาะขาม เกาะหมาก เกาะรัง เกาะเหลายา ฯลฯ ให้เลือกมากมาย, อ่าวสลักเพชร เป็นอ่าวและเป็นชุมชนที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดบนเกาะ ชาวบ้านประกอบอาชีพทำการประมงชายฝั่ง หน้าหมู่บ้านมีวัดเก่าแก่ คือ วัดสลักเพชร สร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เมื่อครั้งเสด็จประพาสเกาะช้าง นอกจากนี้ รอบ ๆ อ่าวสลักเพชรยังมีที่พักลักษณะแบบโฮมสเตย์ของชุมชนสลักเพชรกระจายตัวอยู่ หลายแห่ง ไว้บริการนักท่องเที่ยวแบบเรียบง่ายตามแบบของชุมชนในราคาที่แตกต่างกันออกไป

          น้ำตกธารมะยม เป็นน้ำตกขนาดกลาง มี 4 ชั้น ลักษณะเป็นธารน้ำไหลผ่านมาเป็นชั้น ๆ ตามร่องหินแกรนิตสีดำ มีหน้าผาสูงชันจนเกือบตั้งฉากบริเวณโดยรอบเป็นป่าดงดิบ อากาศร่มเย็นสบาย ที่สำคัญ รัชกาลที่ 5 และ รัชกาลที่ 6 เคยเสด็จประพาสมายังน้ำตกนี้ โดยมีพระปรมาภิไธยย่อ จปร. และ วปร. สลักอยู่ที่หน้าผาน้ำตกชั้นบน, บ้านสลักคอก เป็นหมู่บ้านชาวประมงชายฝั่งที่ยังคงสภาพวิถีชีวิต ประเพณี วัฒนธรรมแบบดั้งเดิมเอาไว้ อีกทั้งยังมีป่าชายเลนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดบนเกาะช้าง จำนวน 650 ไร่ ที่สำคัญเป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์ที่ รัชกาลที่ 5 เคยเสด็จเยี่ยมและทรงประทับรอยพระบาท เพื่อสร้างพระอุโบสถ พร้อมกับพระราชทานนามวัดสลักคอกว่า "วัดวัชคามคชทวีป" นอกจากนี้ บ้านสลักคอกยังมีชมรมนำเที่ยวพื้นบ้านสลักคอก โดยจะมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินมากมาย เช่น การพายเรือคายัคชมธรรมชาติอ่าวสลักคอก หรือจะนั่งเรือชมความสวยงามของอ่าวสลักคอกก็ได้

          น้ำตกคลองพลู หรือ น้ำตกเมฆภูผา เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่สวยงามที่สุดของเกาะช้าง แบ่งออกเป็น 3 ชั้น มีน้ำตกไหลผ่านหน้าผาลงแอ่งเบื้องล่างตลอดทั้งปี, น้ำตกคลองนนทรี เป็นน้ำตกที่มีชั้นเล็ก ๆ มีทางเดินเท้าจากบ้านด่านใหม่เข้าไปประมาณ 3 กิโลเมตร หรือจากที่ทำหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ กช.1 (ธารมะยม) ไปเป็นระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร, บ้านโรงถ่าน เป็นชุมชนเล็ก ๆ ตั้งอยู่บริเวณอ่าวสลักเพชร นักท่องเที่ยวนิยมไปชมทิวทัศน์กันที่นี่ เมื่อมองไปทางหรือจะเห็นยอดเขาสลักเพชรมีเมฆหมอกปกคลุม, น้ำตกคีรีเพชร เป็นน้ำตกชั้นเดียว อยู่ลึกเข้าไปจากชุมชนบ้านสลักเพชร สามารถมองเห็นได้จากบางจุดของหมู่บ้านสลักเพชร ประชาชนในหมู่บ้านใช้น้ำจากน้ำตกนี้เพื่อการอุปโภคบริโภค

          บริเวณยุทธนาวีเกาะช้าง อยู่ทางตอนใต้ของเกาะช้าง น่านน้ำทะเลตราดบริเวณอ่าวสลักเพชร อ่าวสลักคอก ยังเป็นอีกหน้าหนึ่งของบันทึกประวัติศาสตร์การต่อสู้เพื่อปกป้องอธิปไตยของ ไทย เมื่อวันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2484 กองทัพเรือไทยสามารถขับไล่ผู้รุกรานให้ล่าถอยไปได้ หากไทยต้องสูญเสียกองเรือ และทหารกล้าไปจำนวนหนึ่ง วีรกรรมทหารเรือไทยได้รับการจดจารึก และรำลึกถึงวันที่ 17 มกราคมของทุกปี ณ อนุสรณ์สถานยุทธนาวีที่เกาะช้าง อำเภอแหลมงอบ และ หมู่เกาะเหลายา อยู่ทางตอนใต้ของเกาะช้าง เป็นเกาะเล็ก ๆ 3 เกาะ ตั้งเรียงกันอยู่ใกล้กับเกาะช้าง อยู่กลางอ่าวสลักเพชร ประกอบด้วย เกาะเหลายานอก เกาะเหลายาใน และเกาะเหลายากลาง โดยมีหาดทรายขาว น้ำทะเลใส และแมกไม้เขียวครึ้ม ที่นี่ยังมีจุดดำน้ำที่สมบูรณ์ไปด้วยปะการังสวยงามมาก

          ทั้งนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง 23/7 หมู่ 3 ตำบลเกาะช้าง กิ่งอำเภอเกาะช้าง จังหวัดตราด 23170 โทรศัพท์ 0 3955 5080 โทรสาร 0 3955 5080 และอีเมล reserve@dnp.go.th

          และนี่คือ 10 อุทยานแห่งชาติสุดฮิตในปี 2555 ที่เราหยิบมาฝากกัน ใครอยากพักผ่อนก็หาเวลาไปเที่ยวกันดูนะจ๊ะ ^^

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น